​“จตุพร”แก้ปัญหาถึงลูกถึงคน

img

เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสติดสอยห้อยตาม “นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” พร้อมด้วย “นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์” และทีมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี

การเดินทางไปครั้งนี้ มี “เป้าหมาย” เพื่อ “เยี่ยมเยียน” และ “ให้กำลังใจ” ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ “ความไม่สงบ” บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และติดตามสถานการณ์ “การค้าชายแดน”  

ทีมกระทรวงพาณิชย์” ที่เดินทางไปด้วย มี “ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์-นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน-นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ-น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ” ที่เหลือเป็นระดับรองอธิบดี และข้าราชการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ในการเดินทางไปครั้งนี้ นายจตุพร เริ่มภารกิจด้วยการไปเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว 2 แห่ง ใน อ.เดชอุดม คือ ศูนย์พักพิงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยวัดศิริมงคล และศูนย์พักพิง อบต.เมืองเดช
         
นายจตุพร ประกาศต่อหน้าชาวบ้านว่า สิ่งแรกที่กระทรวงพาณิชย์ทำตอนเริ่มมีปัญหา คือ สั่งการให้ดูแลเรื่องสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ “อย่าให้ขาด-อย่าให้แพง” โดยดูแลมาต่อเนื่องจนถึงวันนี้ และจะดูแลต่อไป เพราะรู้ว่าใน “ภาวะวิกฤต” ปัญหาขาดแคลนสินค้ามีแน่ แต่ก็บริหารจัดการจนไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น
         
จากนั้น ได้ประสานผู้ประกอบการภาคเอกชน จัดทำ “ถุงยังชีพ” ส่งไปให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัย และยังได้เดินทางมามอบให้ด้วยตัวเองในครั้งนี้
         
เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำให้ในระยะเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น และในระยะต่อไป ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้แล้วพร้อมที่จะขับเคลื่อนทันที เมื่อสถานการณ์เป็นปกติ”นายจตุพรกล่าวกับชาวบ้าน
         


สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ๆ มีปัญหาความไม่สงบ แว่ว ๆ มาว่า จะประสานกับห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ให้ช่วยจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ รวมไปถึงสินค้าซ่อมแซมบ้านเรือน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ และจะมีการจัดงาน “ธงฟ้าราคาประหยัด” ลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วย
         
ส่วนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถขายผลผลิต หรือขายสินค้าได้ ทั้งจากปัญหาการ “ปิดด่าน” หรือการ “สู้รบ” จะมีมาตรการช่วยเหลือทั้งแบบเร่งด่วน และระยะต่อไป
         
โดยสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว ได้ช่วยหาสถานที่จัดจำหน่ายให้กับผลผลิตทางการเกษตรหรือสินค้าตกค้าง ช่วยกระจายสินค้าจากพื้นที่ชายแดนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ช่วยหาตลาดใหม่ทดแทน และช่วยจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เป็นต้น
         
นายจตุพร บอกว่า นโยบายของตนเองมอบไว้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” จะเป็นนโยบายสำคัญที่ดำเนินการ อยากให้คนไทยช่วยกันอุดหนุนสินค้าไทย เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเกษตรกร-ผู้ประกอบการ แต่ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย  
           
จากนั้น ได้เดินทางไปประชุมติดตาม “สถานการณ์การค้าชายแดน” ร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดติดชายแดน และศุลกากรจังหวัดอุบลราชธานี
         
การหารือในครั้งนี้ เป็นการติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน พบว่า การค้าชายแดนผ่าน จ.อุบลราชธานี กับ สปป.ลาว ไม่มีปัญหา ยกเว้นจุดผ่อนปรนช่องอ้านม้า ติดกับกัมพูชาที่ยังปิดอยู่
         
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ได้มีข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา หันมาใช้ด่านชายแดนของ จ.อุบลราชธานี ส่งสินค้าไปยังกัมพูชาแทน
         


ส่วนเกษตรกร มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการ “สินค้าธงเขียว” ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นการร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ จำหน่ายปัจจัยการเกษตร “ปุ๋ยเคมี-ยาปราบศัตรูพืช” ในราคาพิเศษ เหมือนกับ “สินค้าธงฟ้า” ที่มีราคาถูก เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร
         
นอกจากนี้ นายจตุพร ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดที่อยู่ใน 7 จังหวัดติดชายแดนไทย-กัมพูชา สระแก้ว จันทบุรี ตราด อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ ไปสำรวจดูว่า “เกษตรกร-ผู้ประกอบการ-ประชาชน” ต้องการอะไร เพื่อให้รู้สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ภาครัฐจะให้ จะได้นำมากำหนดนโยบายช่วยเหลือต่อไป
         
เห็นได้ชัดเจนว่า วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นายจตุพร ไม่ได้นั่งรออยู่บนหอคอยงาช้าง แต่ลงมาคลุกคลีกับปัญหา มาสอบถาม มารับฟังด้วยตนเอง และฟังจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ แทนที่จะรอเพียงรายงานจัดส่งไปให้
         
เท่าที่ตามมาดูวิธีการทำงาน วิธีคิด วิธีบริหาร แค่ไม่ถึงวัน
         
การทำงาน” มุ่งเจาะตรงเป้า เล็งตรงปัญหา พร้อมหาทางแก้ให้
         
ที่สำคัญ เป็นคนที่ทำงานแบบ “ถึงลูกถึงคน
         
ได้ใจชาวบ้าน ได้ใจเกษตรกร ได้ใจผู้ประกอบการ
         
ได้ใจ “ทีมงานพาณิชย์” เพราะรู้เป้าว่า จะแก้ตรงไหน อย่างไร  

ขอยก “นิ้วโป้ง” ให้เลย
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง