​รับลูก Quick Big Win 4 เดือน

img

สัปดาห์ที่ผ่านมา “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ได้มอบนโยบายการทำงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  
         
เน้นนโยบาย “Quick Big Win” ที่ต้องดำเนินการ “เร่งด่วน” ภายใน 4 เดือน รวม 7 เรื่อง ได้แก่
         
1.ภาษีสหรัฐฯ และการเจรจาการค้า 2.การบรรเทาผลกระทบค้าชายแดนไทย–กัมพูชา 3.FTA และการบุกตลาดใหม่ 4.ดูแลค่าครองชีพประชาชน 5.รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร 6.เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME และ 7.ปรับกฎระเบียบและใช้เทคโนโลยี  
         
นางศุภจีย้ำว่า การทำงานจะเน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพราะเดินคนเดียวไม่ได้ ในกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องร่วมมือกัน ทั้งกรม กองต่าง ๆ โดยการทำงานทุกอย่างจะเน้นความโปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและพี่น้องประชาชน แม้ว่าอายุรัฐบาลจะสั้น แต่พาณิชย์ก็จะยังคงอยู่ โดยอยู่มา 105 ปีแล้ว จะอยู่ไปอีกเป็น 100 ปี เราจะใช้เวลาที่มีทำตามเป้าหมาย Quick Big Win ให้ได้ภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อวางรากฐานเอาไว้
         
หลังจากที่นางศุภจีได้มอบนโยบาย อธิบดีกรมต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมารับลูก ประกาศแผนการทำงานเร่งด่วนออกมาทันที
         
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ” และ “กรมการค้าต่างประเทศ” ในฐานะทีมเจรจาของไทย ประกาศเร่งสรุป Agreement of Reciprocal Tax (ART) กับสหรัฐฯ ภายในเดือน ธ.ค.2568
         
ส่วน FTA กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเร่งการบังคับใช้ FTA 3 ฉบับที่เจรจาจบแล้ว ได้แก่ ไทย–เอฟตา ไทย-ศรีลังกา และไทย-ภูฏาน และเร่งเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) และไทย-เกาหลีใต้ ให้สำเร็จภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศ จะเร่งสรุปเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้ากับสหรัฐฯ และปรับกระบวนการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นดิจิทัล เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ เร่งปรับปรุงกระบวนการเยียวยาทางการค้าให้เร็วขึ้น ทั้ง AD-CVD-AC-Safeguard
         


กรมการค้าภายใน” เร่งจัด “มหกรรมธงฟ้า” จำนวน 1,300 ครั้งทั่วประเทศ เริ่มทันที ต.ค.2568 ที่ จ.ศรีสะเกษ จัดลดราคาช่วงปีใหม่ กินเจ ตรุษจีน เปิดเทอม ลดรายจ่ายได้ 5,000 ล้านบาทต่อปี จัด “ธงเขียว” ลดราคา “ปุ๋ยเคมี-ปัจจัยเกษตร” ช่วยเหลือเกษตรกร ร่วมมือสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยราคายาและเวชภัณฑ์ก่อนการชำระเงิน ช่วยให้ผู้ป่วยเลือกซื้อยาจากร้านขายยาภายนอกได้ คาดว่าประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า 32,400 ล้านบาทต่อปี และยังดูต้นทุนสินค้าเวชภัณฑ์ เช่น ผ้าก๊อซ สำลี แผ่นแปะแผล ชุดตรวจ ATK ถุงมือยาง และแผ่นรองซับ ช่วยประหยัดอีกกว่า 1,100 ล้านบาท
         
ส่วนสินค้าเกษตร มีมาตรการดูแลทั้ง “ข้าว-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-มันสำปะหลัง-ปาล์ม-พืชสามหัว-ผลไม้” และผลักดันเกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น กล้วยหอม ที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา สามารถส่งออกไปขายญี่ปุ่นได้แล้ว และกำลังเริ่มที่ จ.ลำพูน ปลูกอาโวคาโดแซมในแปลงลำไย
         
กรมทรัพย์สินทางปัญญา” เร่งงาน IP 4 All ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ โดยจะผลักดันขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อย่างน้อย 5 สินค้า ได้แก่ ทุเรียนชุมพร กกเหล่าพัฒนา (นครพนม) ไก่เบตงยะลา ผ้าทอนาหมื่นศรี (ตรัง) และมะยงชิดแม่ย่าสุโขทัย ผลักดันใช้เทคโนโลยีช่วยจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาและเร่งจดทะเบียน Fast Track ส่งเสริมการคิดค้นงานวิจัยและนวัตกรรม และป้องปรามการละเมิด
         
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เดินหน้า 8 ภารกิจเร่งด่วน ทั้งขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัลและสร้างระบบนิเวศน์ที่เกื้อหนุนผู้ประกอบการให้เติบโต ยกระดับบริการดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ ส่งเสริมศักยภาพ SME เพิ่มโอกาสขายออนไลน์ ดูแลผู้ทำบัญชี อำนวยความสะดวกต่างชาติทำธุรกิจในไทย ป้องปรามธุรกิจผิดกฎหมาย และปรับปรุงกฎ ระเบียบ กฎหมายให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ 
        
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” เตรียมหาตลาดใหม่ให้สินค้าและบริการไทย เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ อินเดีย และเวียดนาม จัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจากับผู้นำเข้า เชิญผู้นำเข้า ผู้ซื้อรายสำคัญมาเยือนไทย ผลักดันร้านอาหาร Thai SELECT ให้มีมากขึ้น เพิ่มแบรนด์ Thailand Trust Mark
         


สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า” จะเปลี่ยน DNA จาก Think Tank สู่องค์กร Strategic Intelligence และ Decision-Making Board ขับเคลื่อนด้วย AI และ Data-Driven Intelligence เพื่อออกแบบอนาคตการค้าไทย
         
จะเห็นได้ว่า หลังจากนางศุภจีมอบนโยบาย ดูแล้วไม่มีกรมไหนน้อยหน้า อธิบดีทุกกรมประกาศขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการภายใน 4 เดือนออกมาทันที
         
แต่ที่ “ผู้เขียน” รู้สึก “อึ้ง-ทึ่ง” ก็คือ การประกาศ Quick Big Win ของกรมการค้าภายใน ที่นอกเหนือจากงาน “รูทีน” แล้ว ได้เพิ่ม “ทางเลือก” ให้ประชาชนซื้อยา “นอกโรงพยาบาล” ได้ ไม่ต้องถูก “มัดมือชก” ให้จ่ายแพง ๆ อีกต่อไป งานนี้ช่วยคนไทย “ประหยัด” เงินในกระเป๋าได้สูงถึง 32,000 ล้านบาทต่อปี และยังเข้าไปดูโครงสร้างต้นทุน “เวชภัณฑ์” ให้อีก ประหยัดไปอีก 1,100 ล้านบาท
         
เรื่องนี้ ว่าไป โดนใจพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก กระแสบนโลกโซเชียลพูดถึงกันอย่างหนัก เสียงชมไม่ขาดปาก “พาณิชย์” มา “ถูกที่-ถูกเวลา” แบบนี้ซิ ถึงจะเป็น Quick Big Win ของจริง  
         
ที่มา-ที่ไป” ของเรื่องนี้ เป็นการปฏิบัติตามไอเดียของรัฐมนตรี ที่ว่า ต้องการหาทาง “ลดค่าครองชีพ” ที่เป็นการ “ลดค่าครองชีพ” ได้จริง ๆ และเป็นอะไรที่ใหม่ พูดแล้ว “ว้าว
         
คนรับนโยบายไปทำ แล้วทำออกมาได้ดีอย่างนี้ ต้องตบ “รางวัล” ให้หนัก ๆ
 
ส่วน Quick Big Win อื่น ๆ ไม่ใช่ว่า ไม่ว้าว แต่ส่วนใหญ่ เป็นงาน “รูทีน” ที่ทำมาแล้ว ต้องทำต่อ แต่จะเร่งให้เร็วขึ้น ทำเข้มข้นมากขึ้น
         
เพราะข้าราชการพาณิชย์ รู้ว่า รัฐบาลนี้ รัฐมนตรีคนนี้ มีเวลาโชว์ฝีมือแค่ 4 เดือน
         
จากนี้ คงเห็นการ “จัดหนัก-จัดเต็ม

ชนิดที่ว่า เอาให้จุก ๆ กันไปเลย
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง