​“ซุปเปอร์จี”@อาเซียน-เอเปก

img

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ได้เป็น “ตัวแทน” ประเทศไทย ในระดับ “รัฐมนตรีการค้า” เดินทางไปเข้าร่วม “การประชุมสำคัญ” ถึง 2 การประชุม คือ การประชุมผู้นำอาเซียน ที่มาเลเซีย และผู้นำเอเปก ที่เกาหลีใต้
         
ที่อาเซียน ในช่วงการประชุม “คณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นัดพิเศษ” นางศุภจี ได้ผลักดันการเจรจา “ความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA)” ที่เป็นกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทันสมัย และไทยยังเป็นประธานคณะเจรจา โดยขอให้ “เร่งสรุป” ให้จบภายในไตรมาสแรกปี 2569 และลงนามในปี 2569 ที่ฟิลิปปินส์
         
ไม่เพียงแค่นั้น ยังผลักดันให้อาเซียนร่วมมือด้าน “กฎถิ่นกำเนิดสินค้า” เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์ และปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าให้โปร่งใส สอดคล้องมาตรฐานสากล มุ่งเรื่องความยั่งยืน เน้นลดคาร์บอน เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจภาคทะเล รวมทั้งผลักดันการเจรจาอัปเกรด “เอฟทีเออาเซียน-อินเดีย” ให้มีความคืบหน้าและให้สรุปผลภายในปีนี้ และ “รับทราบ” ความคืบหน้าการรับ “ติมอร์-เลสเต” เป็นสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 11
         
ในระหว่างการประชุม นางศุภจียังได้ใช้โอกาสนี้หารือกับ “เตงกู ซาฟรุล เตงกู อับดุล อาซิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย” เห็นพ้องร่วมมือด้านเกษตรและอาหาร และนัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-มาเลเซีย เพื่อขยายความร่วมมือเศรษฐกิจ การค้าชายแดน การขนส่ง และฮาลาลกันต่อไป
         
ขณะเดียวกัน ช่วงการประชุมยังมีเรื่องที่เรียกเสียงฮือฮา ก็คือ การมี “แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา” ที่จะใช้เป็นกรอบการเจรจา ซึ่งมีทั้งเรื่องการลดภาษี ลดอุปสรรคการค้า การเปิดตลาด การซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ โดยนางศุภจีบอกว่า ทั้งหมดยังไม่มีผลทางกฎหมาย จนกว่าจะเจรจากันสำเร็จ และตั้งเป้าเจรจาให้จบภายในสิ้นปีนี้
         


ส่วนการประชุมร่วมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก นางศุภจีขอให้อาเซียนร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเมืองให้มั่นคง เพราะปัจจุบันมีความผันผวนทาง “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่มีผลกระทบต่อการรวมกลุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
         
จากนั้นได้เป็นตัวแทน “นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย” ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของไทย ให้กับภาคธุรกิจต่าง ๆ ของอาเซียนที่มาร่วมงานกว่า 500 คน โดยได้ย้ำนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ที่เน้นกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว ทั้งคนละครึ่ง พลัส การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน การสนับสนุน SME และการดึงดูดการลงทุน
         
ช่วงการประชุม นางศุภจียังได้ลงนาม “พิธีสารเพื่อยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน” หรือ “ACFTA 3.0” และลงนาม “พิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
         
นอกจากนี้ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เข้าร่วมการประชุม “สุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 5” ร่วมกับผู้นำ RCEP จาก 15 ประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังความตกลงเริ่มบังคับใช้ โดยนางศุภจีได้ยืนยันจุดยืนในฐานะสมาชิก RCEP ให้รักษาระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง โปร่งใส มีกฎเกณฑ์ ขอให้เร่งเพิ่มสมาชิกใหม่ และผลักดันการทบทวนความตกลง RCEP ที่จะเริ่มในปี 2570 ต้องเน้นประเด็นที่สอดคล้องกับทิศทางโลกและความต้องการของภาคธุรกิจ
         
เมื่อจบการประชุมอาเซียน ที่มาเลเซีย นางศุภจีได้บินต่อไปยังเกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมการประชุม “ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก” โดยได้มีโอกาสพบหารือกับ “นายยอ ฮัน-กู รัฐมนตรีการค้า ของกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและทรัพยากรของเกาหลีใต้” เห็นพ้องกันที่จะเร่งการเจรจา “FTA ไทย-เกาหลีใต้” ให้สรุปผลโดยเร็ว และเตรียมพร้อมเจรจาอัปเกรดความตกลง FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ ที่จะเริ่มต้นปี 2569
         


ทั้งนี้ นางศุภจียังขอให้เกาหลีใต้พิจารณาเปิดตลาดให้สินค้าสำคัญของไทย อาทิ มะม่วง เนื้อไก่สดและปรุงแต่ง ปลาทูน่ากระป๋อง กุ้งปรุงแต่ง ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง น้ำตาล และอาหารปรุงแต่งด้วย
         
คิวต่อไป ได้พบหารือกับ “นางเกลาเดีย ซันอูเอซา ริเบโรส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สาธารณรัฐชิลี” ได้แลกเปลี่ยนมุมมองความร่วมมือการค้า การลงทุน เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี FTA ไทย-ชิลี และถือโอกาส ผลักดันเพิ่มความร่วมมือด้าน “พลังงาน” และ “ขายข้าว” ให้กับชิลีด้วย
         
จากนั้น ได้หารือกับ “น.ส.เทเรซา เมรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเปรู” เห็นพ้องที่จะผลักดันการเจรจา FTA ไทย-เปรู ฉบับสมบูรณ์ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ หลัง FTA เดิมใช้มากว่า 20 ปี
         
ปิดท้ายด้วยการเปิดแถลงข่าว “ความสำเร็จ” ในการเข้าร่วมการประชุม “อาเซียน-เอเปก” ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ในช่วงคืนวันที่ 1 พ.ย.2568 สรุปผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมทั้งหมด
         
โดยนางศุภจี บอกว่า ในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ ได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรี 5 ประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือการค้าและสร้างตลาดใหม่ มีโอกาสหารือกับ 3 องค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และองค์การการค้าโลก  
         
ส่วน “ประเด็นสำคัญ” ที่ต้องบอกว่าเป็นไฮไลต์ ก็คือ ความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ที่ไทยเป็นประธานจัดทำ เพราะหากทำสำเร็จ อาเซียนจะเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่มีความร่วมมือด้านนี้
         
แค่สัปดาห์เดียว นางศุภจีที่เพิ่งสวมบท “รัฐมนตรีการค้า” ของไทยเป็นครั้งแรก สามารถสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุนให้กับประเทศไทยได้มากมาย

ซุปเปอร์จี จริง ๆ
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง