​จัดยาแรงดันราคาข้าวเปลือก

img

ปีนี้ คาดการณ์กันว่าผลผลิต “ข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69” จะมีปริมาณ 26.99 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 17.54 ล้านตันข้าวสาร
         
โดยปัจจุบัน ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 6.05 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 3.9 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็น 22% ของผลผลิตทั้งหมด และตั้งแต่เดือน พ.ย.2568 เป็นต้นไป ผลผลิตจะออกสู่ตลาด “มาก” ถึง “มากที่สุด
         
ส่วนสถานการณ์ “ราคาข้าวเปลือก” ที่ความชื้น 15% “ข้าวเปลือกหอมมะลิ” 15,200-16,500 บาทต่อตัน “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่” 14,500-15,000 บาทต่อตัน “ข้าวเปลือกปทุมธานี” 8,200-8,700 บาทต่อตัน “ข้าวเปลือกเจ้า” 6,100-6,800 บาทต่อตัน “ข้าวเปลือกเหนียว” 8,000-9,000 บาทต่อตัน
         
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม “คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)” ได้มีมติเห็นชอบ “มาตรการดูแลข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69” ออกมาแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลายรัฐบาลชุดที่แล้ว  
         
มาตรการหลัก ๆ ก็คือ สินเชื่อชะลอการขาย โดยเกษตรกรเก็บข้าวในยุ้งฉาง ได้ค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน เป้าหมาย 3 ล้านตัน สินเชื่อรวบรวมข้าวของสถาบันเกษตรกร 1.5 ล้านตัน และชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสีเก็บสต๊อกข้าว 4 ล้านตัน
         
ทั้งนี้ เกษตรกร มองว่า มาตรการที่มีอยู่ยัง “ไม่เพียงพอ” จึงขอให้มีมาตรการช่วยเหลือให้มากกว่านี้ เพื่อ “ผลักดัน” ราคาข้าวให้ปรับตัวสูงขึ้น  
         
กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ดูแลด้านการตลาด และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลด้านการผลิต ได้ประชุมหารือ และพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ในการดูแลราคาข้าว
         
โดยหนึ่งในนั้น ก็คือ การเสนอให้ 3 หน่วยงาน คือ องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร เป้าหมาย 3 ล้านตัน ในราคานำตลาด เพื่อดึงราคาข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออกสู่ตลาดมาก
         


นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน” อธิบายว่า การรับซื้อของ 3 หน่วยงาน แต่ละหน่วยงานจะรับซื้อตามศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน ใครมีขีดความสามารถมาก ก็ซื้อมาก แต่ต้องอยู่ในเป้าหมาย 3 ล้านตัน เป็นลักษณะการซื้อมาขายไป ไม่ใช่การรับจำนำ หรือการซื้อมาเก็บสต๊อกเอาไว้ แล้วรอขาย
         
สำหรับข้าวที่ซื้อมา มีลูกค้าที่จะจำหน่ายได้อยู่แล้ว เช่น กรมราชทัณฑ์ หรือหน่วยงานอื่น ๆ หรือการจำหน่ายในตลาดปกติ

ส่วนวงเงินที่ใช้รับซื้อ เป็นเงินของหน่วยงาน ที่รัฐจะเข้ามาสนับสนุน และมีค่าบริหารจัดการให้

ขณะที่ “การหาตลาด” รองรับผลผลิตข้าว กระทรวงพาณิชย์ มีแผน “เร่งระบายข้าว” โดยจะขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีน ปริมาณ 5 แสนตัน และกับสิงคโปร์ 1 แสนตัน คาดว่า ภายในเดือน พ.ย.2568 น่าจะชัดเจนทั้ง 2 ดีล

หากสำเร็จ จะส่งผลดีต่อ “ราคาข้าวในประเทศ” เพราะมีตลาดรองรับ “ล็อตใหญ่

ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีแผนช่วย “สนับสนุนการส่งออก” ไปยังตลาดใหม่ เช่น เม็กซิโก และบังกลาเทศ เพื่อยึดตลาดข้าวไทยคืนมา การผลักดันใช้ “ปลายข้าว” ไปเป็นวัตถุดิบ “ทำอาหารสัตว์” และผลักดัน “สร้างมูลค่าเพิ่มข้าว” เช่น สนับสนุนเครื่องสีข้าว และช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก “กรมการค้าภายใน” ยังมีแผนจัด “ตลาดนัดข้าวเปลือก” เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรนำข้าวมาจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองในการจำหน่ายข้าวมากขึ้น



นอกจากนี้ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ “เครื่องชั่ง” และ “เครื่องวัดความชื้น” เพื่อดูแลเกษตรกรขายข้าวให้ได้รับความเป็นธรรม และไม่โดนเอารัดเอาเปรียบ

การเพิ่ม “มาตรการใหม่” ในการดึงราคาข้าวด้วยการใช้กลไกของรัฐเข้าไปรับซื้อเป้าหมาย 3 ล้านตัน ถือเป็น “Quick Big Win” อีกมาตรการหนึ่ง

เพราะเดิม ผู้เล่นในตลาดข้าว ก็มีแค่ไม่กี่ราย มีพ่อค้า โรงสี ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการข้าวถุง ที่เข้ามาแข่งกันซื้อข้าว และยังมีรัฐเข้ามาแทรกแซงในบางครั้ง ก็แล้วแต่ว่าตอนนั้นใครเป็นรัฐบาล

ที่ผ่านมา มีทั้ง “จำนำ-ประกันราคา” แต่ทั้ง 2 มาตรการนี้ หยุดใช้ไปหลายปีแล้ว

ปีนี้ รัฐบาล กำลังคิดมาตรการใหม่ ดึง “อคส.-อ.ต.ก.-ธ.ก.ส.” เข้ามาซื้อข้าวเปลือก แข่งกับพ่อค้า จะเรียกว่าเป็น “ยาแรง” ที่จะช่วยดึงราคาข้าวก็ว่าได้
         
เพราะมีเงื่อนไขว่าจะซื้อ “ในราคานำตลาด” และเพิ่ม “ทางเลือก” ให้กับเกษตรกร ที่จะมีที่ขายข้าวได้มากกว่าเดิม ไม่ต้องไปเผชิญกับการถูกกด “ราคา” หรือถูกกด “ความชื้น
         
โดยวิธีการซื้อ รูปแบบการซื้อ ราคาที่จะซื้อ ซื้อแล้วเอาไปขายยังไง วิธีการไหน เงินที่มาซื้อ เอามาจากไหน ตอนนี้ ยังไม่ชัดเจน
         
คงต้องรอผลการประชุม นบข. ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พิจารณาก่อน  
         
ตอนนั้น ถึงจะรู้ว่า มาตรการที่ว่า ใช้ยังไง ดียังไง เป้าหมายผลสัมฤทธิ์เป็นยังไง
         
จะเป็น Quick Big Win ดันราคาข้าวได้จริงหรือไม่
         
ต้องคอยจับตาดูกัน
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง