ตามปกติ การแถลง “ตัวเลขส่งออก” ประจำเดือน น่าจะอยู่ในช่วงสัปดาห์นี้ แต่การแถลงตัวเลขการส่งออกของเดือน พ.ค.2568 ที่ผ่านมา มีความ “ผิดปกติ” เกิดขึ้น ก็คือ แถลง “เร็วกว่าปกติ”
         
“เหตุผล” เป็นไปตาม “ตัวเลข” คือ ตัวเลขมันดี ก็เลยต้องรีบกันหน่อย
         
โดย “นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ได้เกร่นไว้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2568 ช่วงแถลงข่าวการเร่งรัดปราบปรามนอมินี ว่า ตัวเลขการส่งออก เดือน พ.ค.2568 ดีมาก และจะแถลงรายละเอียดในวันสองวันนี้
         
จากนั้น ได้นัดแถลงวันที่ 18 พ.ค.2568 ซึ่งตัวเลข ก็ดีตามที่ประกาศไว้
         
“การส่งออก” เดือน พ.ค.2568 มีมูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,025,477 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และเป็นอัตราการ “ขยายตัวสูงสุด” ในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.2565 และ “มูลค่า” ยังเป็นการส่งออกรายเดือนที่ “สูงที่สุดในประวัติศาสตร์” ตั้งแต่มีการส่งออกมา
         
ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 29,928.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,001,162 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% ได้ดุลการค้า 1,116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,315 ล้านบาท)

สำหรับยอดรวมการส่งออก 5 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 138,202 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,640,426 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 14.9% การนำเข้า มูลค่า 139,325.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,736,361 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.3% ขาดดุลการค้า 1,223.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (95,936 ล้านบาท)

เมื่อ “เจาะลึก” ลงไป พบว่า ตลาดส่งออกสำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด โดย “ตลาดหลัก” เพิ่ม 19% มาจาก “สหรัฐฯ” เพิ่ม 35.1% ขยายตัวต่อเนื่องมาแล้ว 20 เดือน โดย 4 เดือนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 2568 ม.ค.2568 เพิ่ม 22.4% ก.พ.2568 เพิ่ม 18.3% มี.ค.2568 เพิ่ม 34.3% และ เม.ย.2568 เพิ่ม 23.8% ส่วน “จีน” ที่เป็นตลาดหลักอีกตลาดหนึ่ง เพิ่ม 28.0% “สหภาพยุโรป” เพิ่ม 16.6% “CLMV” เพิ่ม 20.8% แต่ “อาเซียน” ลด 0.3% “ญี่ปุ่น” ลด 0.9%



“ตลาดรอง” เพิ่ม 18.6% จาก “เอเชียใต้” เพิ่ม 22.3% “ทวีปออสเตรเลีย” เพิ่ม 8.4% “ตะวันออกกลาง” เพิ่ม 22.8% “แอฟริกา” เพิ่ม 21.4% “ลาตินอเมริกา” เพิ่ม 15.9% “รัสเซียและกลุ่ม CIS” เพิ่ม 18% “สหราชอาณาจักร” เพิ่ม 20% และ “ตลาดอื่น ๆ” ลด 15% 

นายพิชัย บอกว่า การส่งออกที่ขยายตัวได้ดี เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน และคาดว่าเดือน มิ.ย.2568 น่าจะยังทำได้ดี ส่วนเป้าทั้งปี อยากเห็นตัวเลข 2 หลัก หรือบวก 10% ขึ้นไป เพราะตอนนี้ 5 เดือนทำได้แล้ว 14.9% ที่เหลือถ้ายังทรง ๆ อยู่แบบนี้ มีโอกาสที่จะทำได้แน่

ขณะที่ “นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์” อธิบายว่า ถ้าจะให้ส่งออกปี 2568 โตได้ 10% การส่งออกที่เหลืออีก 7 เดือน ต้องทำให้ได้เดือนละ 27,482.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ส่วนการส่งออกเดือน พ.ค.2568 ที่ทำสถิตินิวไฮ ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจาก “ผู้นำเข้า” เร่งสั่งซื้อสินค้าในช่วงที่สหรัฐฯ ชะลอการบังคับใช้ “ภาษีต่างตอบแทน” เป็นเวลา 90 วัน ยิ่งตลาดสหรัฐฯ ยิ่งเห็นได้ชัด ส่วนแนวโน้มการส่งออกเดือน มิ.ย.2568 จะขยายตัวได้อีกหรือไม่ มองตอนนี้ ก็ยังคิดว่าดี แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวตัวเลขก็บอกเอง ขอให้รอดู 
         
สำหรับความคืบหน้า “การเจรจาภาษีนำเข้า” กับสหรัฐฯ ล่าสุด “ทีมเจรจาของไทย” ได้มีการหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์แล้ว เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น “ครั้งแรก” ที่มีการเจรจากันอย่างเป็นทางการ
         
การประชุมครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ยื่น “ข้อเสนอ” ที่สหรัฐฯ “ต้องการ” ให้ไทยพิจารณาในการแก้ไขปัญหา “การขาดดุลการค้า” จำนวน 5 ข้อ ได้แก่ 1.มาตรการทางภาษีและโควตา 2.มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB) 3.การค้าดิจิทัล 4.แหล่งกำเนิดสินค้า และ 5.ความมั่นคงภายในประเทศและด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  
         


จากนั้น ไทยได้นำข้อเสนอของสหรัฐฯ มาพิจารณา และจัดทำข้อเสนอของฝ่ายไทยที่สอดคล้องกับความต้องการของสหรัฐฯ และได้ยื่นให้สหรัฐฯ พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2568
         
“ตอนนี้ ต้องรอการนัดหมายจากสหรัฐฯ ต่อไป โดยมั่นใจว่า ข้อเสนอของไทย จะมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้สหรัฐฯ พิจารณา และเปิดเจรจาในรายละเอียดกับไทยอีกครั้ง และยืนยันว่า ข้อเสนอของไทยจะส่งผลในเชิงบวก ไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่จะสร้างสมดุลทางการค้าของทั้ง 2 ฝ่าย และจะเป็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย”นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในทีมเจรจาระบุไว้
         
เมื่อถามปลัดพาณิชย์ว่า “ความคาดหวัง” เรื่องภาษีสหรัฐฯ ตั้งไว้อย่างไร ท่านปลัดตอบว่า เรื่องภาษี 0% คงเป็นไปไม่ได้ แต่อัตราภาษีไม่เกิน 10% มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องรอดูผลสรุปสุดท้ายต่อไป 
         
นี่ถ้าการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ “จบได้เร็ว” และ “จบได้สวย” โดยที่ไทย ไม่เจอภาษีหนักถึง 36% ตามที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้
         
“ความหวัง” ที่ “การส่งออก” จะเป็นหนึ่งใน “พระเอก” ช่วย “ขับเคลื่อน” เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินจริง
         
ตอนนี้ ทำได้เพียง “แค่รอ” ว่าผลจะออกมาอย่างไร
         
ขอให้เป็น “ข่าวดี” ก็แล้วกัน
 
ซีเอ็นเอ