
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ที่ได้ให้โอกาส “ผู้เขียน” ได้ร่วมคณะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อชม “รูปแบบ-วิธีการ” ผลักดันผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการ “ส่งเสริม-พัฒนา” จนแข็งแกร่งและสามารถ “โกอินเตอร์” บุกตลาดต่างประเทศ
โดยครั้งนี้ เป็นการนำ “ผู้ประกอบการแฟรนไชส์สัญชาติไทย” จำนวน 10 แบรนด์ ไปร่วมงาน “Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025)”
งานนี้ ที่เรียกสั้น ๆ ว่า FEM 2025 เป็นงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 (จัดงานครั้งแรกปี 2016) โดยปี 2025 จัดภายใต้ธีมงาน “Invest In Your Future” ที่เน้นการลงทุนในอนาคตผ่านนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจแฟรนไชส์ ณ Hall 2-5, Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์
มีธุรกิจแฟรนไชส์จาก 10 ประเทศ 350 บูธ เข้าร่วมแสดงและนำเสนอธุรกิจ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย กัมพูชา อินเดีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น และคาดว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 18,000 คน
ได้ไปเห็นรูปแบบการจัดงานของมาเลเซียแล้ว ต้องบอกว่า “คึกคักมาก” แฟรนไชส์สัญชาติต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วมงาน มีการจัดกิจกรรมดึงดูดความสนใจ แจก “โบชัวร์-ใบปลิว” แนะนำธุรกิจ และแต่ละบูธมีนักธุรกิจ ประชาชนที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ต่างเข้าไป “ติดต่อ-สอบถาม” กันเป็นจำนวนมาก
ส่วนบูธไทยที่มีจำนวน 10 แบรนด์ เป็นธุรกิจอาหาร 6 แบรนด์ ได้แก่ 1.ZENFRY (เฟรนซ์ฟรายถั่วเขียว) 2.de Tummour (อาหารไทย) 3.MOOMGAPAO (ข้าวผัดกระเพรา) 4.ชิกกี้ ชิก (ไก่ป๊อป ไก่ทอด ทานเล่น) 5.เฮง ปัง ปั๊ว หวานเย็นสูตรเยาวราช (ขนมหวานเย็น) 6.ไผ่ทองไอศครีม (ไอศครีมกะทิ) ธุรกิจเครื่องดื่ม 2 แบรนด์ ได้แก่ Colla Tea Thailand (ชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน) และ Fresh Me (ชานม ชาผลไม้) ธุรกิจการศึกษา 1 แบรนด์ ได้แก่ Math Talent By Dr.Ying (สถาบันสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โคดดิ้ง) ธุรกิจบริการ 1 แบรนด์ ได้แก่ Otteri wash & dry (ร้านสะดวกซัก)
ปรากฏว่า คึกคักไม่แพ้กัน ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน ต้องคอยตอบคำถาม แนะนำธุรกิจ ให้กับผู้ที่สนใจ และหลายรายประสบ “ความสำเร็จ” ในการเจรจาธุรกิจและ “ปิดดีล” กันได้เลยก็มี
“นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า” บอกว่า กรมได้จัดคูหาในรูปแบบไทยแลนด์พาวิลเลียน เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นคูหาของประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยการเข้าร่วมงานครั้งนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 10 แบรนด์ ได้เตรียมแพกเกจพิเศษเพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวมาเลเซียและนักลงทุนจากชาติอื่น ๆ ให้ได้เลือกชอปและเจรจาธุรกิจ
โดยมีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดส่งเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการ และเป็นล่ามช่วยแปลการเจรจาธุรกิจ ทำให้การดำเนินงานของผู้ประกอบการไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกมากขึ้น
ผลการเข้าร่วมงาน มีการเจรจาธุรกิจ 98 คู่ ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน คาดว่า จะสามารถปิดดีลการเจรจาธุรกิจได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ประมาณ 130 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 1 ปี จะไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ร้านสะดวกซัก อาหาร และการศึกษา ตามลำดับ
“ผู้เขียน” ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ 3-4 ราย เสียง “ชื่นชม” เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ “ขอบคุณ” เจ้าภาพหลักอย่าง “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เป็นอย่างมาก
“น.ส.ปองขวัญ โต๊ะสงวนพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มุมแมเนจเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ MOOMGAPAO (ข้าวผัดกระเพรา)” บอกว่า ขอบคุณที่ให้โอกาสในการออกไปทำตลาดต่างประเทศ เพราะเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ปัจจุบันในไทยมีสาขา 15 สาขา กำลังทยอยเปิดเพิ่ม แต่ก็มีโอกาสที่ดีมาก มั่นใจในจุดขายของเรา เพราะข้าวกะเพรา เป็นอาหารที่คนไทยและต่างชาติรู้จักดี บริการรวดเร็ว กินได้ทุกวัน จะเปิดสาขาที่มาเลเซียได้แน่
“นายอัสสกัลย์ มิตรขจรเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฮองเฮาขนมหวาน จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “เฮงปังปั๊ว” หวานเย็นสูตรเยาวราช” บอกว่า ขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ให้โอกาสเข้ามาเรียนรู้การทำธุรกิจแฟรนไชส์ และยังพาออกมาทำตลาดต่างประเทศ ซึ่งเดิมมองตลาดในประเทศ ก็มีโอกาสอยู่แล้ว แต่พอมาเห็นตลาดต่างประเทศ โอกาสยิ่งมีมากขึ้น โดยมั่นใจว่า จะเจาะตลาดมาเลเซียได้แน่ และจะเปิดที่อินโดนีเซียได้ด้วย ตอนนี้มีการตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว
“นางวรงค์ศรี พูตระกูล ผู้ก่อตั้งบริษัท แมท ทาเลนท์ จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “Math Talent by Dr.Ying” สถาบันสอนคณิตศาสตร์คิดเป็นภาพ” บอกว่า หลังจากทำแฟรนไชส์ ได้เข้ามาอบรมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ความรู้ทั้งการทำธุรกิจ การพัฒนาธุรกิจ การสร้างมาตรฐาน และยังพาไปบุกตลาดต่างประเทศ มั่นใจว่าจะเปิดตลาดที่มาเลเซียได้แน่ ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็มีที่ สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ ปีหน้าจะไปอินโดนีเซีย เวียดนาม ก่อนขยับไปสิงคโปร์ ออสเตรเลีย จนไปยุโรป อเมริกา
“นางสาวิตตรี ซิ้มสมบูรณ์ ผู้บริหารและเจ้าของแฟรนไชส์ Colla Tea ชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน” บอกว่า ต้องขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ช่วยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ช่วยพัฒนาธุรกิจ แล้วยังพามาหาประสบการณ์ในการทำตลาดต่างประเทศ ทำให้เราได้เห็นลู่ทาง และได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งตลาดมาเลเซียเปิดได้แน่ เพราะสินค้าเรามีมาตรฐานฮาลาล ตรงตามที่ตลาดต้องการ
ทั้งหมดนี้ คือ “ความในใจ” ของผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปร่วมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในงาน FEM 2025
ถ้าถามว่า ปี 2569 ยังมีอีกไหม นางอรมน บอกว่า “มี” โดยแผนหลัก ๆ จะเริ่มจากการเสริม “องค์ความรู้” ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ ผลักดันการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งจะเชื่อมโยง “เครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์” ใครที่ประสบ “ความสำเร็จ” ไปต่างประเทศได้แล้ว ก็จะดึงมาเป็น “พี่เลี้ยง-พี่เกื้อกูลน้อง” เพื่อช่วยให้แฟรนไชส์รุ่นหลังประสบความสำเร็จต่อไป
ผู้ประกอบการ “แฟรนไชส์ไทย” รายใหม่ ที่เริ่มคิดธุรกิจ เริ่มต้นทำธุรกิจ แต่ยังไม่รู้จะเดินหน้าต่อ “แบบไหน-ยังไง” ขอให้นึกถึง “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เป็นที่แรก โดยสามารถเข้าไปรับคำปรึกษา คำแนะนำการทำธุรกิจได้
ที่นี่ จัดเต็ม “ความรู้” ให้แบบไม่มีกั๊ก สามารถนำมาใช้ต่อยอดในการ “พัฒนาธุรกิจ-ขับเคลื่อนธุรกิจ” ให้เติบโตได้
แล้วซักวัน ท่านอาจจะเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์สัญชาติไทย
ที่แบรนด์ของท่าน “โกอินเตอร์” ไปปักธงในตลาดต่างประเทศได้สำเร็จตามรุ่นพี่ก็เป็นได้
ซีเอ็นเอ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง