
หากยังจำกันได้ “กระทรวงพาณิชย์” เคยดังเป็น “พลุแตก” อยู่ช่วงหนึ่ง ที่ “นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” พูดสั้นไป อธิบายสั้นไป และมีคนจับใจความเป็นว่า แนะชาวนา ให้ “ปลูกกล้วย” แทน “ปลูกข้าว”
เรื่องก็เลยลุกลามใหญ่โต จนต้องออกมาชี้แจงกันยกใหญ่ ว่า ที่แนะนำอย่างนั้น ไม่ใช่ให้เลิกปลูกข้าวแล้วมาปลูกกล้วย แต่เป็นข้อเสนอแนะว่า พื้นที่ไหน “ไม่เหมาะสม” ที่จะ “ปลูกข้าว” ก็ควรปลูก “พืชชนิดอื่น” ทดแทน เพื่อให้มี “รายได้” ที่ดีกว่า พร้อมยกตัวอย่าง ก็คือ “กล้วย”
สุดท้าย พอเกิดความเข้าใจ เรื่องก็เงียบหายไป
มาวันนี้ รัฐบาลปรับเปลี่ยน “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” เป็น “นายจตุพร บุรุษพัฒน์”
แต่ “แนวคิด” ในการ “เพิ่มรายได้” ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวยังคงอยู่ โดยครั้งนี้เตรียมพร้อมมาอย่างดี มาพร้อมกับ “หลักการ” และ “วิธีการ” ในการดำเนินการ เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง
นายจตุพร บอกว่า ขณะนี้ “กระทรวงพาณิชย์” ได้หารือกับ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” จะดำเนินการจัดทำ “แซนด์บ็อกซ์” เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสม
พื้นที่ ๆ ไม่เหมาะสมจะปลูกข้าวที่ว่า มี 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ท่วม พื้นที่แล้ง และพื้นที่ทั้งท่วมและแล้ง ซึ่งเบื้องต้นสำรวจแล้ว พบว่า มีรวม ๆ กันประมาณ 10 ล้านไร่
วิธีการดำเนินการ จะ “นำร่อง” ในบางพื้นที่ก่อน แล้ว “คัดเลือกสินค้า” ที่เหมาะสมไปปลูกในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งสินค้าที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูก มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นสินค้าที่ “ตลาดต้องการ” เป็นสินค้าที่ “มีอนาคต” และในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็ยังเป็น “โปรดักส์แชมป์เปี้ยน” อยู่
“ตอนนี้ กรมการค้าภายในได้คุยกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว เพื่อคัดเลือกฟื้นที่ แล้วจะไปคุยกับเกษตรกร ไม่ต้องปลูกข้าวได้มั้ย โดยสนับสนุนให้ปลุกพืชชนิดอื่นทดแทน และพืชนั้น ๆ ต้องเป็นสินค้ามีอนาคต เป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ เป็นการเอาตลาดนำการผลิต ไม่ใช่แบบทุกวันนี้ที่ผลิตแล้วเอาไปขาย เอาไปช่วยหาตลาด แต่ต้องผลิตออกมาแล้วตลาดต้องการ ทั้งหมดนี้ พาณิชย์และเกษตรได้คุยกันในเบื้องต้นแล้ว เดี๋ยวผมจะเรียกมาคุยเพื่อหาข้อสรุปอีกที”นายจตุพรกล่าว
สำหรับการดำเนินการจัดทำแซนด์บ็อกซ์ดังกล่าว นายจตุพร อธิบายว่า เป็นการเอาแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) มาทำงานร่วมกับแผนการตลาดของพาณิชย์ (Commerce Map) บวกกับแผนสิ่งแวดล้อม (Environment Map)
หลักการจะดูว่า พื้นที่ไหนเหมาะสม ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว แล้วมาประเมินร่วมกันทั้งหมดว่าพื้นที่นั้น เหมาะสมที่จะ “ปลูกพืชอะไร” แต่ไม่ใช่ว่าจะไป “บังคับ” ให้เลิกปลูกข้าว แต่ถ้าพื้นที่นั้น “ไม่เหมาะ” ปลูกข้าว ก็จะทำให้เห็นว่า ถ้าปรับเปลี่ยนไปปลูก “พืชชนิดอื่น” จะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปลูกข้าวอย่างไร ทำเป็น “ตัวอย่าง” ให้เกษตรกรเห็น เพื่อเป็น “แรงจูงใจ” ในการปรับเปลี่ยน
ส่วนพื้นที่ ๆ เหมาะสมกับการปลูกข้าว ก็จะ “สนับสนุน” ให้มีการเพาะปลูกข้าวต่อไป แต่จะเน้นการส่งเสริมให้ปลูก “ข้าวพรีเมียม” ปลูกข้าวที่ “ตลาดต้องการ” โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ตลาดต้องการ และจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้หาทาง “ลดต้นทุน” การเพาะปลูกให้กับเกษตรกร โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัว “โครงการธงเขียว” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ลดราคาสินค้า “ปุ๋ยเคมี” และ “ยาปราบศัตรูพืช” ซึ่งถือเป็นปัจจัยการผลิตหลักของเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรมีต้นทุนต่ำลงแล้ว
จะเห็นได้ว่า การผลักดันการทำ “แซนด์บ็อกซ์” ดังกล่าว จะเป็นการ “พลิกโฉม” การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้มากกว่าการ “ปลูกข้าว”
เพราะพืชเกษตรที่เลือกมาให้ ก็อย่างที่บอก มีหลักชัดเจน ตลาดต้องการ มีอนาคต เป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยน ซึ่งไม่จำกัดแค่ “กล้วย” ตามที่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนหน้านี้ แต่จะมี “พืชอื่น ๆ” ที่เหมาะสมกับพื้นที่อีกหลายชนิดให้เลือก อย่างพื้นที่แล้ง จะปลูกอะไร พื้นที่ท่วม จะปลูกอะไร และพื้นที่ท่วมแล้ง จะปลูกอะไร
ตอนนี้ “พาณิชย์-เกษตร” กำลังทำงานกันอยู่ อีกไม่นาน คงมีรายละเอียดให้เห็น
หากถาม “ผู้เขียน” ขอตอบตรง ๆ เห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะ
1.เพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรในการเพาะปลูก แทนที่จะปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว
2.มีโอกาสที่จะมีรายได้สูงขึ้น เพราะการปลูกข้าวในพื้นที่ ๆ ไม่เหมาะสม มีความเสี่ยงที่จะได้ผลผลิตน้อย ผลผลิตคุณภาพไม่ดี ขายได้ราคาไม่ดี แต่ถ้าปลูกพืชชนิดอื่นที่ตลาดต้องการ ขายได้ราคาดีแน่
3.ลดภาระและงบประมาณดูแลของรัฐบาล ที่ในแต่ละปีใช้เงินมากมาย หลักหลาย ๆ หมื่นล้านบาทไปจนถึงหลักแสนล้านบาท
สำหรับ “แซนด์บ็อกซ์” ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยการปรับพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมและให้ไปปลูกพืชชนิดอื่น จะเป็น “ความหวังใหม่” ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้จริงหรือไม่ หรือทำแล้วได้เงินเพิ่มจริงหรือไม่
ถามตอนนี้ คงไม่มีใครตอบได้
แต่อยากให้ “เกษตรกร” ช่วยกัน “เปิดใจ” และ “ลองดู”
เพราะหาก “สำเร็จ” ตามที่พาณิชย์วาดหวังไว้
ก็จะเป็นอีก “ทางเลือกหนึ่ง” ในการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน
ซีเอ็นเอ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง