​กรมทรัพย์สินทางปัญญาจับมือ SACIT ทำ MOU ยกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทย

img

กรมทรัพย์สินทางปัญญาหารือสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) เดินหน้ายกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งส่งเสริมการจดทะเบียน การปกป้องคุ้มครอง และการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เตรียมจัดทำ MOU ฉบับใหม่ ก่อนลงนามร่วมกันต่อไป
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับ ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และคณะ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางยกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานศิลป์ไทย และส่งเสริมให้ครูศิลป์ ครูช่าง ทายาท และผู้ประกอบการสมาชิก SACIT สามารถบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยและสร้างรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น
         
ทั้งนี้ งานศิลปหัตถกรรมไทยมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมทั้งเครื่องทอ เครื่องโลหะ เครื่องดิน เครื่องหิน เครื่องไม้ เครื่องหนัง เครื่องแก้ว เครื่องกระดาษ งานประดิษฐ์และงานศิลปะอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นได้อย่างน่าสนใจ โดยผลงานเหล่านี้สามารถนำมาจดทะเบียนขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้หลายประเภท อาทิ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เครื่องหมายการค้า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รวมทั้งการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้สร้างสรรค์ว่าผลงานศิลปหัตถกรรมไทยจะได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถต่อยอดการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ ทั้งการสร้างแบรนด์และการขยายโอกาสทางการตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทยอย่างยั่งยืน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขการส่งออกงานศิลปหัตถกรรมไทยมีมูลค่าสูงกว่า 3 แสนล้านบาท
         
นางอรมนกล่าวว่า กรมและ SACIT ได้มีการทบทวนและเตรียมจัดทำความร่วมมือ (MOU) ฉบับใหม่ เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานที่ครอบคลุมมากขึ้น และสอดรับกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยเน้นประเด็นสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยจัดอบรมให้ความรู้ให้แก่กลุ่มศิลปิน ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาท และผู้ประกอบการสมาชิกของ SACIT ที่มีจำนวนกว่า 500 คน เพื่อให้เข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาที่จะสามารถนำมาต่อยอดผลงานและนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ รวมทั้งจัดอบรมความรู้ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่เจ้าหน้าที่ของ SACIT เพื่อให้สามารถเป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้เบื้องต้นแก่สมาชิกได้



2.การปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาให้กับผลงานศิลปหัตถกรรมไทย โดยเฉพาะลวดลายผ้า กระบวนการผลิตสิ่งทอ รวมถึงการ์ตูนคาแรกเตอร์ และสินค้าอาร์ตทอย เพื่อให้ผลงานสร้างสรรค์ของคนไทยมีกฎหมายเป็นหลักพิงหากเกิดกรณีถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

3.การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ โดยผลักดันให้เกิดการนำผลงานที่ได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านช่องทางการตลาดทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) รวมทั้งเปิดพื้นที่ซื้อขายผลงานบนแพลตฟอร์มตลาดกลางทรัพย์สินทางปัญญา (IP Mart)

4.การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับใช้ประโยชน์ในการพัฒนาต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทยร่วมกัน
         
“กรมพร้อมเดินหน้าร่วมกับ SACIT เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมไทยประเภทต่าง ๆ ให้ได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมทั้งให้เจ้าของผลงานสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างเป็นระบบ ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน โดยทั้งสองหน่วยงานจะจัดทำ MOU ฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จและจัดพิธีลงนาม MOU ร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป”นางอรมนกล่าว

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง