​“พาณิชย์”จับมือสถาบันอาหาร ยกระดับอุตฯ อาหารไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา

img

กรมทรัพย์สินทางปัญญาจับมือสถาบันอาหาร ร่วมมือยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยด้วยพลังแห่งทรัพย์สินทางปัญญา เตรียมลงนาม MOU ส่งเสริมผู้ประกอบการรอบด้าน ทั้งฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมจดทะเบียนนวัตกรรมอาหาร เชื่อมโยงสินค้า GI เป็นวัตถุดิบ เชื่อมโยงข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาด้านอาหาร  
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับ น.ส.ไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เพื่อประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวทางยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยด้วยพลังแห่งทรัพย์สินทางปัญญา เพราะทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การหารือครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมอาหารของประเทศ
         
โดยความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น มี 3 มิติ คือ 1.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรมอาหารที่ได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Value Creation) 2.การป้องกันการลอกเลียนแบบสูตรและบรรจุภัณฑ์ (Value Protection) และ 3.การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือขยายตลาดและเข้าถึงแหล่งทุน (Value Expansion)
         
นางอรมนกล่าวว่า กรมและสถาบันอาหาร เตรียมจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอาหารไทยอย่างรอบด้าน อาทิ การพัฒนาองค์ความรู้ทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการฝึกอบรมบุคลากรของสถาบันอาหารและผู้ประกอบการในเครือข่ายให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้อง พร้อมจัดคลินิกให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำผลงานนวัตกรรมอาหาร เช่น สูตรอาหารฟังก์ชัน บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เทคโนโลยีการเก็บรักษาคุณภาพ เป็นต้น มาจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาผ่านบริการ Fast Track ของกรม ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษที่สามารถจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาได้รวดเร็วขึ้น



นอกจากนี้ จะส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาและต่อยอดสินค้า GI ในกลุ่มอาหาร การจัดทำฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาอาหารไทยเพื่อใช้ในการวางแผนการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เชื่อมโยงนักวิจัย ผู้ประดิษฐ์ และผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การใช้ IP Licensing ในอุตสาหกรรมอาหาร การจัดทำ Food IP Marketplace เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาช่วยเพิ่มมูลค่า ขยายตลาด และเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างยั่งยืน

“การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตบนฐานของนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง โดยจะช่วยยกระดับผู้ประกอบการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน”นางอรมนกล่าว

ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารของไทย ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 มูลค่า GDP อุตสาหกรรมอาหารสูงกว่า 1.11 ล้านล้านบาท มีจำนวนผู้ประกอบการภาคธุรกิจร่วมขับเคลื่อนกว่า 1.2 แสนราย และมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวกว่า 1.24 ล้านคน โดยไทยจำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารให้สอดคล้องกับเทรนด์แห่งอนาคต ทั้งในด้านสุขภาพและความยั่งยืน โดยอาศัยทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก

สำหรับสถิติคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตในไทย ในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีการยื่นคำขอ 190 คำขอ จดทะเบียนแล้ว 93 ฉบับ สำหรับอนุสิทธิบัตร มีการยื่นคำขอ 470 คำขอ จดทะเบียน 163 ฉบับ ในส่วนของสถิติคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากลุ่มบริการจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม ในช่วง 9 เดือนของปี 2568 มีการยื่นคำขอ 2,522 คำขอ และจดทะเบียนแล้ว 1,943 เครื่องหมาย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง