
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัดงาน Thai Music Meetup – Gan Bei ที่ไต้หวัน นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ ผลตอบรับสุดปัง ทำยอด 763 ล้านบาท เสียงชื่นชม ช่วยสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ แนะขยายจัดที่ญี่ปุ่น เกาหลี ส่วนเวทีคอนเสิร์ต ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นไม่แพ้กัน
นายทวีป ราชาภักดี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมได้จัดงาน “Thai Music Meetup – Gan Bei” ณ Zepp New Taipei เพื่อนำเสนอศักยภาพของศิลปินและค่ายเพลงไทยสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจและความร่วมมือกับพันธมิตรไต้หวัน โดยผลการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีผู้ประกอบการไทย 12 ราย และผู้ประกอบการไต้หวัน 162 ราย มีการจับคู่รวม 163 คู่เจรจา เกิดมูลค่าเฉพาะอุตสาหกรรมดนตรีรวมสูงถึง 763.05 ล้านบาท เป็นการซื้อ-ขายทันที 8.52 ล้านบาท ภายใน 1 ปี มูลค่า 218.33 ล้านบาท และภายใน 2-5 ปี มูลค่า 536.2 ล้านบาท โดยยังไม่รวมอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว สื่อและความบันเทิง เป็นต้น
โดยในการจัดงานครั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ยืนยันว่า กิจกรรมนี้ช่วยสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและควรจัดอย่างต่อเนื่อง และเสนอให้ขยายการจัดงานไปยังญี่ปุ่นและเกาหลี เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า ส่วนผู้ประกอบการไต้หวัน เห็นว่าดนตรีไทยมีศักยภาพ และสนใจที่จะร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย
“การจัดงานที่ใช้ชื่อ Gan Bei มีความหมายว่า ชนแก้วให้สุด ดื่มให้หมด สื่อถึงการทุ่มเทเต็มพลังของศิลปินทุกคนในทุกโน้ต ทุกท่อนเพลง เพื่อส่งต่อความจริงใจและเชื่อมโยงหัวใจของผู้ฟัง งานในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นคอนเสิร์ต แต่คือก้าวสำคัญของการต่อยอด Soft Power ดนตรีไทย สู่ระดับนานาชาติ”นายทวีปกล่าว
นายทวีปกล่าวว่า นอกจากความสำเร็จด้านธุรกิจแล้ว ในด้านเวทีการแสดง ศิลปินไทยได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแฟนเพลงไต้หวัน ที่เข้าร่วมชมการแสดงอย่างล้นหลามจนเกินความคาดหมาย โดยศิลปินไทยได้รับเสียงเชียร์และการต้อนรับอย่างดียิ่ง สะท้อนถึงพลังของดนตรีที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนได้ แม้จะต่างภาษา โดยตลอดค่ำคืนบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและสร้างสรรค์
สำหรับการแสดง เปิดเวทีด้วย STGZ หรือ Stargazer 2 ศิลปินที่นำวัฒนธรรมไทยมาตีความในรูปแบบร่วมสมัยแนวดนตรี Electronic ผสานผสมดนตรีพื้นบ้านอีสาน โดยใช้เครื่องดนตรีพิณเพื่อสร้างเสียงที่แปลกใหม่และสะท้อนการเชื่อมต่อระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับยุคดิจิทัล ตามด้วย UNTRYMAEW (อันตรายแมว) ที่มาพร้อมพลังดนตรีสุดมันป็นวงดนตรีแนวเน้นการผสมเสียงสังเคราะห์และบรรยากาศแปลกใหม่ไม่ยึดติดกรอบแนวเพลงแบบดั้งเดิม
จากนั้น มาถึงวงที่ทุกคนรอคอย H3F ศิลปินรุ่นใหม่ที่ไต่อันดับขึ้นสู่เวทีสากลที่มีสไตล์ผสมผสาน Funk, R&B, Soul และ Pop ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ และเคยมีทัวร์ในหลายประเทศในเอเชียการมาเล่นที่ไต้หวันครั้งนี้ จึงสะท้อนถึงกระแสตอบรับที่ขยายตัวในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ก่อนปิดท้ายด้วยการแสดงจากวง SEIZER ศิลปินไต้หวันสาย Indie Rock/Alternative ที่ได้รับการสนับสนุนจาก TAICCA วงที่ขึ้นชื่อเรื่องพลังงานล้นเวที เพลงมีจังหวะเร้าใจจนผู้ชมต้องลุกขึ้นมาโดดและเต้นตาม สร้างความคึกคักและสนุกสนานอย่างเต็มที่
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง