
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าวิเคราะห์ธุรกิจ พบธุรกิจ 3 กลุ่ม ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน และธุรกิจเกี่ยวกับการจากลา มาแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เหตุคนมีอายุสูงขึ้น ทำให้ต้องวางแผนชีวิตรอบด้าน ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้วิเคราะห์ธุรกิจประจำเดือน ส.ค.2568 พบว่า ธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน และธุรกิจเกี่ยวกับการจากลา มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ตอบสนองต่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของประชาชน จากการที่ปัจจุบันค่าเฉลี่ยอายุขัยของประชากรในโลกสูงขึ้น โดยคนไทยอยู่ที่ 76.8 ปี และผลจากค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตที่ยาวนานอย่างมีคุณภาพ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ผู้คนยุคนี้ จึงได้มองหาความสุขควบคู่ไปกับความมั่นคงทางการเงินที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตตั้งแต่ถือกำเนิด วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน วัยเกษียณ จนถึงวันจากลา อีกทั้งการมีชีวิตที่ออกแบบเองได้เป็นสิ่งที่คนยุคใหม่ตั้งความหวังไว้ จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตในทุกมิติตั้งแต่การเงิน สุขภาพ ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันชีวิต เป็นตลาดขนาดใหญ่ มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมกว่า 1 แสนล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค.2568 มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันชีวิตที่จดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทยจำนวน 996 ราย แบ่งเป็น ธุรกิจประกันชีวิต 101 ราย ทุนจดทะเบียน 106,966 ล้านบาท และธุรกิจตัวแทนและนายหน้า 895 ราย ทุนจดทะเบียน 3,223 ล้านบาท ทั้ง 2 ประเภทส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) สะท้อนให้เห็นว่าแม้การดำเนินธุรกิจประกันชีวิตต้องใช้เงินทุนสูง แต่ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการออมและสร้างหลักประกันทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา การใช้ชีวิตหลังเกษียณ และการส่งต่อมรดกให้ครอบครัว โดยรายได้ของธุรกิจประกันชีวิตในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2565-2567) เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปี 2567 มีรายได้รวมกว่า 571,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.90% จากปี 2566 และมีกำไรสุทธิ 35,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.31% เมื่อเทียบกับปี 2566 ด้านการลงทุนจากต่างชาติ มีมูลค่าการลงทุน 47,430 ล้านบาท โดยสิงคโปร์ลงทุนสูงสุดในธุรกิจประกันชีวิต 25,822 ล้านบาท และเยอรมันลงทุนสูงสุดในธุรกิจตัวแทนและนายหน้า
ส่วนธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านการเงิน และการลงทุนได้อย่างยั่งยืน มีนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ 831 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมกว่า 7,950 ล้านบาท โดย 98.44% เป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่อัตราการเติบโตยังคงเป็นไปในทิศทางบวก โดยปี 2567 ธุรกิจนี้สร้างรายได้รวมกว่า 4,944 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.64% ขณะเดียวกันการลงทุนจากต่างชาติมีมูลค่า 1,040 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.10% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมดในธุรกิจนี้ โดยมีหมู่เกาะเคย์แมน 248 ล้านบาท สิงคโปร์ 226 ล้านบาท และจีน 106 ล้านบาท เป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นของต่างชาติในตลาดบริการที่ปรึกษาด้านการเงินของไทย
ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการจากลา เป็นธุรกิจใหม่เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค อาทิ ให้คำปรึกษาและวางแผนเพื่อการตายที่ดี การออกแบบวาระและงานสุดท้ายได้ด้วยตนเอง และงานบริการหลังความตายครบวงจร โดยธุรกิจนี้ จะมีสัดส่วนการตลาดที่เล็ก แต่ก็มีแนวโน้มเติบโต โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมงานศพดำเนินกิจการ 44 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 99.72 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กกว่า 97.73% รายได้ในปี 2567 อยู่ที่ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.79% ทั้งนี้ ยังมีการลงทุนจากต่างชาติคิดเป็น 10.67% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมดในธุรกิจนี้ และมูลค่าการลงทุน 10.64 ล้านบาท ประเทศที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย 6.64 ล้านบาท ไต้หวัน 2.45 ล้านบาท และฮ่องกง 0.98 ล้านบาท
“การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสังคมและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะสังคมผู้สูงอายุและครอบครัวขนาดเล็ก ได้ผลักดันให้การวางแผนชีวิตกลายเป็นเรื่องสำคัญ และสร้างโอกาสให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโต ไม่เพียงแต่ธุรกิจในข้างต้นจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง แต่ยังมีบทบาทโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกช่วงวัย ตั้งแต่การสร้างหลักประกัน ความมั่นคงทางการเงิน ไปจนถึงการจัดการวาระสุดท้ายอย่างมีคุณค่า ซึ่งกรมจะเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถปรับตัว สร้างนวัตกรรม และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน”นางอรมนกล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง