​“สุนันทา”รับลูก“จตุพร” เตรียมเปิดศูนย์ One Stop Service ปรึกษาปัญหาภาษีสหรัฐฯ

img

“สุนันทา” รับลูก “จตุพร” เตรียมเปิดศูนย์ One Stop Service ที่ศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 7 ส.ค.นี้ ให้คำปรึกษา แนะนำ แก้ปัญหาส่งออกภาษีสหรัฐฯ พร้อมปรับแผนช่วย SME ผ่านโครงการ SMEs Pro-active เล็งเพิ่มงบช่วยเหลือตามน้ำหนักความเดือดร้อน มอบทูตพาณิชย์เร่งหาตลาดใหม่ มั่นใจส่งออกปีนี้โตตามเป้า 2-3% และมีโอกาสสูงกว่านี้
         
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า DITP ได้รับนโยบายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ One Stop Service ที่ศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ ถ.รัชดาภิเษก โดยกำหนดเปิดศูนย์ในวันที่ 7 ส.ค.2568 เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำ ช่วยแก้ปัญหาการส่งออก และช่วยผลักดันการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เป็น 19%
         
ทั้งนี้ ยังเตรียมปรับแผนสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) ภายใต้โครงการ SMEs Pro-active ที่เดิมให้งบสนับสนุนการเปิดตลาด อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า ไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งจะพิจารณาปรับเพิ่มวงเงินช่วยเหลือตามน้ำหนักความเดือดร้อน และกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลือ SME ภายใต้งบที่ได้รับการจัดสรรจำนวน 50 ล้านบาท จากงบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลได้อนุมัติก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลความต้องการของ SME อยู่
         
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลก 58 แห่ง ทำการเก็บข้อมูลเป็นรายประเทศ ทั้งการส่งออก การนำเข้า การลงทุน ที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากมีเรื่องภาษีสหรัฐฯ และให้หาแนวทางการเพิ่มโอกาสการส่งออกให้กับสินค้าไทยในตลาดที่ประจำอยู่เพิ่มขึ้น
         


นอกจากนี้ กรมยังได้หารือกับผู้ประกอบการภาคเอกชนในสาขาต่าง ๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ผลกระทบ และข้อเสนอแนะที่ต้องการให้ช่วยเหลือ หารือกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (ซอฟต์โลน) และเตรียมการเฝ้าระวังสินค้าสวมสิทธิ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ มีความกังวล
         
น.ส.สุนันทากล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 2568 กระทรวงพาณิชย์ยังคงไว้ที่ขยายตัว 2-3% และเห็นว่ามีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่านี้ เพราะภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เก็บจากไทย 19% นั้น เมื่อถามผู้นำเข้าในสหรัฐฯ และผู้ส่งออกของไทยเอง ระบุว่าพอใจและรับได้ เพราะเป็นอัตราที่ไม่ต่างกันกับประเทศในภูมิภาค ทำให้การแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และยังมีสัญญาณการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ดูได้จากการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีประเทศใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น
         
ส่วนผลกระทบการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่จากรายงานการค้าไทย-กัมพูชาโดยรวม ยังถือว่าเป็นปกติ เพียงแต่ต้องปรับเส้นทางการขนส่งสินค้าผ่านทางเรือที่แหลมฉบัง และส่งผ่านแดน สปป.ลาว ทำให้ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนขนส่งสูงและอาจเจอปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งได้มีการหารือธนาคารออกซอฟต์โลนช่วยเหลือแล้ว

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง