
“จตุพร” ผลักดันเปิดเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ ช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถส่งออกสินค้าทางชายแดนกัมพูชาได้ หลังปิดด่าน แนะใช้ด่านช่องเม็ก ส่งสินค้าผ่าน สปป.ลาว ทะลุไปกัมพูชา สั่งการกรมการค้าต่างประเทศเคลียร์ปัญหาเรื่องเก็บภาษี พร้อมมอบพาณิชย์จังหวัดติดชายแดน 7 แห่ง สำรวจความต้องการเกษตรกร ผู้ประกอบการ ประชาชน ต้องการให้พาณิชย์ช่วยอะไร ก่อนทำแผนช่วยเพิ่ม นอกเหนือจากความช่วยเหลือที่มีให้อยู่แล้ว
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดน ณ ห้องประชุมพรหมวรราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ว่า ได้หารือร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ประกอบการ พาณิชย์จังหวัด และศุลกากรจังหวัด เพื่อประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพบว่า การค้าชายแดนกับสปป.ลาว ไม่มีปัญหา แต่กับกัมพูชาทางจุดผ่อนปรนช่องอ้านม้า มีปัญหา เพราะมีการปิดด่าน ซึ่งเห็นตรงกันว่าผู้ประกอบการที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าผ่านทางชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถมาใช้ด่านชายแดน จ.อุบลราชธานี ในการส่งออกไปยังกัมพูชาได้ เพราะไม่ไกลมาก
“ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ด่านชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะด่านช่องเม็ก เป็นจุดส่งสินค้าไปยังกัมพูชาได้ เพื่อแก้ปัญหาการปิดด่าน เพราะระยะทางไม่ไกลมาก แต่ก็มีอุปสรรคด้านการเก็บภาษีที่แตกต่างกันของแต่ละแขวง ซึ่งได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ ไปเจรจากับทาง สปป.ลาว เพื่อหาทางออก และเปิดเส้นทางการส่งออกใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทยแล้ว”นายจตุพรกล่าว
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดใน 7 จังหวัดติดชายแดน ทั้งสระแก้ว จันทบุรี ตราด อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ ไปสำรวจความต้องการของเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ว่าต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลืออะไร นอกเหนือจากมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแล้ว ทั้งการดูแลราคาสินค้า ค่าครองชีพ การช่วยระบายสินค้าเกษตรและสินค้าตกค้าง การลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ การเพิ่มสภาพคล่อง เพราะสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่ อาจจะตรงกับความต้องการไม่ครบทั้งหมด ก็ให้ไปสำรวจมา และรายงานเข้ามายังส่วนกลาง เพื่อที่จะได้วางแผนในการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับการดูแลสินค้าเกษตร โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของ จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันราคาต่ำกว่าปีก่อน แม้ว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น เป็นเพราะราคาตลาดโลกลดลง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต การจัดหาท่อนพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ ต้านทานโรคใบด่าง การส่งเสริมแปรรูปเป็นอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อลดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกร และยังมีแผนจัดทำโครงการ “สินค้าธงเขียว” โดยร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการลดราคาปัจจัยการเกษตร โดยเฉพาะปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ให้กับเกษตรกรด้วย
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง