​“จตุพร”สั่งสำรวจความต้องการผู้ประกอบการ-เกษตรกร เจอปิดด่าน นำปรับแผนช่วยให้ตรงจุด

img

“จตุพร” สั่งการพาณิชย์จังหวัด 7 จังหวัด รวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่ ๆ ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนให้ความช่วยเหลือได้ตรงจุด หลังก่อนหน้านี้ ได้ช่วยเชื่อมโยงการจำหน่าย เปิดจุดจำหน่าย และเพิ่มสภาพคล่องให้แล้ว
         
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการโสมสวลี ชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์กัมพูชา ว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดชายแดน 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี ตราด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ รวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่ ๆ ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดในการผ่านเข้าออกจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้ความช่วยเหลือตรงจุดและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
         
ส่วนการดำเนินการช่วยเหลือก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกช่วยผู้ประกอบการและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่แล้ว โดยมีการเชื่อมโยงสินค้าจำหน่ายตลาดภายในประเทศ การเปิดจุดจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ และส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ส่วนผลไม้ที่ส่งออกไม่ได้ ได้เชื่อมโยงการรับซื้อไปยังหน่วยงานหรือองค์กรณ์ต่าง ๆ และการรณรงค์บริโภคผลไม้ ทำให้สถานการณ์ผลไม้ในช่วงที่ผ่านมา ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และยังได้ช่วยดูแลสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ โดยประสานสถาบันการเงิน เช่น SME D Bank และธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำระยะยาว
           
สำหรับการขนส่งสินค้าไปยังกัมพูชาและการขนส่งผ่านแดนที่ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทาง ได้มอบหมายกรมการค้าต่างประเทศหารือผู้ประกอบการโลจิสติกส์เพื่อช่วยลดต้นทุน และมอบหมายกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งเสริมสินค้าไทยในกัมพูชาควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ส่วนประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้มอบหมายกรมการค้าภายในจัดคาราวานธงฟ้าราคาประหยัด เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ



“ยืนยันว่า รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ และเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์นี้ได้โดยไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจการค้าของไทย ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 การค้าระหว่างไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 366,730 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนมีสัดส่วนสูงถึง 174,530 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 5 เดือนของปี 2568 การค้าระหว่างไทย-กัมพูชาขยายตัวถึง 8.5% และการค้าชายแดนขยายตัวถึง 11.2%”นายจตุพรกล่าว
         
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทสินค้าและลักษณะของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างแม่นยำ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องโลจิสจิกส์และการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกรณีที่เป็นผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะประสานธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) มาร่วมสนับสนุน
         
นายนิรวัชช์ รังสีกาญจน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ รายงานว่า แม้จะมีการระงับการนำเข้าสินค้าบางประเภทในฝั่งกัมพูชา เช่น น้ำมัน พืชผัก และผลไม้ แต่สินค้าจำเป็นและสินค้าอุปโภคบริโภคยังสามารถส่งออกได้ โดยขนส่งทางเรือหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางทางบก ซึ่งสำนักงานฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมปรับมาตรการอย่างเหมาะสม

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง