
“พิชัย”กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Thailand-US Trade & Investment Summit 2025 ยืนยันไทยเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ เผยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาภาษีนำเข้าแล้ว พร้อมร่วมมืออาหารแปรรูป ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI ขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เปิดตลาดและลดอุปสรรค เข้มแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า และส่งเสริมไทยไปลงทุน พร้อมใช้โอกาสนี้ชวนสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษงาน Thailand-US Trade & Investment Summit 2025 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ จัดโดยความร่วมมือของหอการค้าไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) และหอการค้าสหรัฐอเมริกา (U.S. Chamber of Commerce) โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน และนักธุรกิจจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมกว่า 300 คน ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อความท้าทายจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อภาคการส่งออก โดยไทยได้มีความพยายามที่จะหารือร่วมกับสหรัฐฯ ในเวทีต่าง ๆ และได้จัดตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือน ม.ค.2568 มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางการหารือกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ไทยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจากนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยได้เสนอแนวทางสำคัญ เช่น เสริมสร้างความร่วมมือในสาขาอาหารแปรรูป ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI ขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น พลังงาน สินค้าเกษตร และชิ้นส่วนอากาศยาน เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า แก้ไขมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า และส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ
“ข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกหารือเพิ่มเติมกับนายจามิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และนายเบสเซนต์ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพร้อมในการขับเคลื่อนความร่วมมือผ่านการเจรจาระดับนโยบายที่กรุงวอชิงตันในอนาคตอันใกล้”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ยังได้เชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ ขยายการลงทุนในไทย โดยเฉพาะการลงทุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะไทยมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพลังงานที่มั่นคง ซึ่งเอื้อต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรพิมพ์ (PCB) ดาต้าเซ็นเตอร์ ชิ้นส่วนสำหรับประกอบ AI และยานยนต์อัจฉริยะ รวมถึงสามารถต่อยอดไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่รองรับความต้องการของตลาดในอนาคต
“รัฐบาลไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง และส่งเสริมความร่วมมือกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความสมดุลและผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน พร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน”นายพิชัยกล่าว
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกันสูงกว่า 74,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้น 13.6% สะท้อนความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย GDP ไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่ม 3.1% ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การลงทุนมีมูลค่าคำขอรับส่งเสริมจาก BOI รวม 431,237 ล้านบาท เพิ่ม 97% และการส่งออก 3 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่ม 15.2% และโดยเฉลี่ยตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ เข้ารับตำแหน่งในเดือน ต.ค.2567 การส่งออกไทย 6 เดือน เพิ่ม 12.9% และตัวเลขการส่งออกเดือน เม.ย.2568 ที่จะแถลงในวันที่ 26 พ.ค.2568 จะยังเติบโตต่อเนื่อง แม้มีความกังวลเรื่องมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ส่วนการท่องเที่ยว ก็เติบโตได้ดี
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง