​“ภูมิธรรม” เคาะเป้าส่งออกปี 67 ไม่ทางการ 2.87 แสนล้านเหรียญ เพิ่ม 1.99%

img

“ภูมิธรรม” ประชุมหารือแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน ประเมินเป้าส่งออกปี 67 ไม่เป็นทางการ มูลค่า 287,754 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 1.99% หรือกว่า 10 ล้านล้านบาท ส่วนปีนี้ คาดติดลบไม่เกิน 1% พร้อมทำแผนขับเคลื่อนปี 67 จำนวน 380 กิจกรรม เพิ่มมูลค่าส่งออก 65,701 ล้านบาท วาง 5 กลยุทธ์ด้าน เปิดประตูการค้า สั่งทูตพาณิชย์ผนึกพาณิชย์จังหวัดขายสินค้า เร่งส่งออก Soft Power ปรับปรุงการทำงานสู่รัฐบาลดิจิทัล ส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่   
         
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน Quick Win 100 วัน และ 1 ปี ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ทูตพาณิชย์ และภาคเอกชน ว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2567 ในเบื้องต้น หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ 58 แห่ง ประเมินในมุมมองของฝั่งตลาด คาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวที่ 1.99% มูลค่า 287,754 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 10 ล้านล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชน ประเมินในฝั่งการผลิต คาดการณ์ว่า จะขยายตัว 0-2% ซึ่งสอดคล้องกัน แต่ตัวเลขที่ชัดเจน จะต้องรอผลการส่งออกทั้งปีออกมาก่อน ถึงจะประกาศตัวเลขเป้าหมายการส่งออกของปี 2567 อย่างเป็นทางการได้
         
ส่วนการส่งออกของปี 2566 ประเมินว่า ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะยังขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่การส่งออกในช่วง 2 เดือนล่าสุด ส.ค. เพิ่ม 2.6% ก.ย. เพิ่ม 2.1% ทำให้การส่งออกทั้งปีจะติดลบน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยจะติดลบไม่เกิน 1%
         
นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับการผลักดันการส่งออกที่ได้ดำเนินการภายใต้นโยบายปรับส่งออกจากลบเป็นบวก ในช่วง 100 วัน ได้ดำเนินการรวม 73 กิจกรรม คาดการณ์สร้างมูลค่าการส่งออก 12,400 ล้านบาท แต่เกิดผลจริง 25,424.75 ล้านบาท และยังได้ทำแผนล่วงหน้าสำหรับระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2567 โดยกำหนดไว้ทั้งสิ้น 380 กิจกรรม ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออก 65,701 ล้านบาท
         


ทั้งนี้ ยังได้กำหนดกลยุทธ์การผลักดันการส่งออก 5 ด้าน โดย 1.จะเปิดประตูโอกาสทางการค้าเชิงรุกสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการรักษาตลาดเดิมด้วยกลยุทธ์เดินสายสร้างสัมพันธ์ เร่งผลักดันการเจรจา FTA การขยายการค้าไปยังเมืองรองที่มีศักยภาพของประเทศต่าง ๆ 2.กำหนดให้ทูตพาณิชย์ทำงานเชิงรุก และบูรณาการทำงานกับพาณิชย์จังหวัดให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก 3.การส่งเสริมการส่งออก Soft Power ของไทยออกสู่ตลาดโลกให้ได้เพิ่มมากขึ้น
         
4.การปรับปรุงการทำงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล และปรับบทบาทเป็นรัฐสนับสนุน โดยที่จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ คือ พ.ร.บ.สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.2537 5.การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการส่งเสริมการค้า Cross-border e-commerce ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ การสร้างโชว์รูม ออนไลน์ การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย ส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว และสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ส่งออกรายใหม่
         
ทางด้านการค้าชายแดน มีแผนที่จะยกระดับด่าน เปิดจุดผ่านแดนที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น การจัดตั้งศูนย์บริการการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว (OSS) ในจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สระแก้ว จันทบุรี หลังจากที่ได้นำร่องเปิดไปแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร การจัดมหกรรมการค้าชายแดน การผลักดันความร่วมมือและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในกรอบอนุภูมิภาค ทั้งนี้ ยังได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาทในปี 2570 ผ่าน 4 ยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการ คือ พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ยกระดับด่านชายแดน ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้า และส่งเสริมการลงทุน
         
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังได้ลงนามใน MOU กับการบินไทยและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่จะร่วมมือกันส่งเสริมการตลาดสินค้า บริการ และซอฟต์ พาวเวอร์ของไทย โดยใช้จุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาช่วยขับเคลื่อน  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง