หลังจากช่วงต้นเดือนต.ค.2565 “กระทรวงพาณิชย์” ได้ประกาศตัวเลข “เงินเฟ้อ” เดือนก.ย.2565 อย่างเป็นทางการ เพิ่มขึ้น 6.41% ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายประเมินกันไว้

ถือเป็นการส่งสัญญาณเงินเฟ้อ “ชะลอตัว” ลงอย่างชัดเจน จากที่เคยพุ่งไปทำสถิติ “นิวไฮ” เมื่อเดือนส.ค.2565 ที่ 7.86%
         
นับจากนั้น สถานการณ์ราคาสินค้าหลาย ๆ รายการ ก็ดูเหมือน “รู้เห็นเป็นใจ” ราคาเริ่ม “ทรงตัว” และมีการทยอย “ปรับลดลง” ต่อเนื่อง
         
ที่ “กรมการค้าภายใน” ไปทำการสำรวจมา พบ “หลายสินค้า” ราคาเริ่ม “ลดลง”  

ยกตัวอย่างเช่น “หมูเนื้อแดง” ในห้างเหลือ 176 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากเดิม 189 บาท ลดลง 13 บาท ตลาดทั่วไปในกรุงเทพฯ ขาย 185-190 บาทต่อกก.

“เนื้อไก่” เกือบทุกชิ้นส่วนลด 5-10 บาท เช่น หน่องติดสะโพก ราคา 95 บาท/กก. ลดจาก 99 บาท ตลาดทั่วไปราคา 90-95 บาท

“ข้าวสารถุง” ราคาลดลงประมาณ 10-30% “อาหารกระป๋อง” ลด 4-10% และยังมี “ผลิตภัณฑ์ซักล้าง-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป-ซี่อิ้ว” ที่ราคาลดลงด้วย

แต่ที่เด็ดสุด ก็ “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มีการจัดโปรโมชันลดกันสูงถึง 70%
         
ส่วน “ผักสด” ที่ได้รับผลกระทบจาก “น้ำท่วม” ในพื้นที่แหล่งผลิต มีบางตัวที่ราคา “ปรับขึ้น” เล็กน้อย เช่น ขึ้นฉ่าย ผักชี ผักกาดหอม แต่ผักชนิดอื่น ๆ ราคาทรงตัว
         


เรื่องนี้ กรมการค้าภายในประเมินแล้ว “ไม่น่ามีปัญหา” เพราะหากที่ใด เห็นสัญญาว่าจะมีปัญหาผัก “ขาดแคลน” ก็จะประสานผักจากแหล่งผลิตอื่นเข้าไปทดแทน และกระจายผักผ่านตลาดกลางสินค้าเกษตรที่มีอยู่  
         
สำหรับ “ปุ๋ยเคมี” ที่เป็นต้นทุนในการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ปัจจุบันราคาเริ่ม “ปรับลดลง” หลังเคยทำสถิติสูงในในช่วงเดือนพ.ค.2565 ที่ผ่านมา
         
ตอนนี้ “ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0)” ซึ่งเป็นสูตรที่ใช้กัน “มากที่สุด” ราคาได้ปรับลดลงมาประมาณ 18-20%

“ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0)” ซึ่งนิยมใช้ในการ “ปลูกปาล์มน้ำมัน” ราคาได้ปรับลดลงมาประมาณ 25%

ต่อไป ถ้าสถานการณ์ราคา “ก๊าซธรรมชาติ” ตลาดโลก ปรับ “ลดลง” อีก ก็จะได้เห็น “ราคาปุ๋ยเคมี” ปรับลดลงอีกเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ทั้งนั้น ต้อง “จับตา” ราคาก๊าซธรรมชาติที่ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ “หน้าหนาว” ของฝั่งยุโรป และอเมริกา ที่จะทำให้มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และอาจจะมีผลกระทบต่อราคาได้ แต่ก็มีการประเมินกันว่า “ไม่น่าจะพีก” อีกแล้ว

ส่วนเรื่อง “ปริมาณ” ไม่มีปัญหา “ขาดแคลน” แน่นอน เพราะ “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” บอกว่า กำลังจะเจรจากับ “จีน” และ “คาซัคสถาน” เพื่อซื้อปุ๋ยเคมีเพิ่ม ซึ่งเป็นการซื้อเพิ่มเติมจากที่มีการซื้อกับซาอุดิอาระเบียก่อนหน้านี้

ดูแนวโน้มแล้ว ทั้งสถานการณ์ “เงินเฟ้อ” สถานการณ์ “ราคาสินค้า” น่าจะเลยจุดพีกมาหมดแล้ว ต่อไปจะ “ทรงตัว” หรือ “ลดลง” ยังคาดเดาไม่ได้ แต่ประเภทขึ้นแรง ๆ คงไม่เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม แม้ทุกอย่างจะเห็น “สัญญาณดี” แต่เท่าที่ติดตามดู พบว่า กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงเดินหน้า “ดูแล” และช่วยลดภาระ “ค่าครองชีพ” ให้กับประชาชนต่อ
         


ล่าสุด “กรมการค้าภายใน” กำลังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกให้กับประชาชนทั่วทั้งประเทศ
         
หลังจากที่เพิ่งได้รับอนุมัติงบกลางปี 2566 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 422.75 ล้านบาท จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา
         
ตอนนี้ “การจัดทำโครงการ” มีความพร้อมแล้ว คาดว่า ไม่น่าจะเกินสัปดาห์นี้ จะ “คิกออฟ” โครงการได้
         
รายละเอียดโครงการ พูดแบบให้เข้าใจง่าย ๆ จะเป็นการไป “เปิดจุดจำหน่ายสินค้า” ในพื้นที่ ๆ เป็นแหล่งชุมชน พื้นที่สาธารณะ หรือลานอเนกประสงค์ เช่น สำนักงานเขต การเคหะชุมชน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือจุดที่เหมาะสม
         
สินค้าที่จะนำไปจำหน่าย จะจัดหามาจากผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ สมาคม และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่แต่ละจังหวัด
         
สินค้าเด่น ๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าเกษตร ผลไม้ เป็นต้น รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซี่อิ้ว น้ำปลา ซอสปรุงรส สบู่ แชมพู ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน อะไรประมาณนี้ 
         
โดยการจัดแต่ละครั้ง จะมีบูธจำหน่ายสินค้าประมาณ 100-200 คูหา
         
ทราบมาว่า ตั้งเป้าจัดงานไว้ประมาณกว่า 200 ครั้ง
         
เตรียมตัว เตรียมเงินไว้ล่วงหน้าได้เลย
         
งานนี้ “กรมการค้าภายใน” เขาบอกมาว่า จะจัดหนัก จัดเต็ม

รับประกัน ว่า ราคา “ถูกจริง” และ “ถูกใจ”

รวมทั้งจะช่วยลด “ค่าครองชีพ” ได้จริง ๆ  
         
ซีเอ็นเอ