
ไทยเป็นประเทศที่ผลิตข้าวรายสำคัญของโลก และนอกเหนือจากการส่งออกข้าวเป็นเมล็ด ปัจจุบันได้มีการนำข้าวไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย และกลายเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าว และยังเป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศหลายราย หันมาให้ความสำคัญกับการแปรรูปข้าวกันมากขึ้น จนมีผลิตภัณฑ์จากข้าวออกสู่ตลาดมากมาย
วันนี้ มีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ที่จะมาแนะนำหนึ่งในสินค้าที่ผลิตจากข้าว โดยสินค้าที่ว่า คือ แบรนด์ Origi Rice เป็นผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ และข้าวกล้องอินทรีย์ และยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Local BCG Plus ของกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม และเข้าตามเงื่อนไข BCG
นายปรีดาธพันธ์ จันทร์เรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิไร้ซ์ จำกัด กล่าวว่า ที่มาที่ไปของแบรนด์ออริจิไรซ์ ก็คือ เราเอาภูมิศาสตร์ของที่บ้านเกิด เนื่องจากที่บ้าน ตรงตำบลท่าชัย เป็นแหล่งถนนข้าวปลูก แหล่งถนนข้าวปลูก คือ เป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพของประเทศไทย และที่มาของถนนข้าวปลูก ก็มาจากชัยนาท เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำเขื่อนดิน เป็นเขื่อนเจ้าพระยาเขื่อนแรกของประเทศไทย ทำให้บริเวณที่เราอยู่ เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำใต้ดิน ทำให้ทำนาได้ทั้งปี ทำนาได้ 3 ครั้งต่อปี ก็เลยเลือกเอาภูมิศาสตร์ ออริจิไรซ์ เป็นจุดเริ่มต้นของการทำนาข้าว สตอรี่มาจากตรงนี้
โดยเริ่มแรก คือ ทำข้าวอินทรีย์ในตำบล ในหมู่บ้าน คือ เจ้าเดียว เพราะที่อื่นเค้าทำเคมีหมด เราทำข้าวอินทรีย์ คือ เราศึกษาของในหลวงแล้วก็ไปทำ แล้วเราก็ต้องทำอินทรีย์ และก็ขายข้าวกล้องมาก่อน ขายแบบสั่งจองล่วงหน้าในโครงการผูกปิ่นโตข้าว โครงการที่มีเจ้าบ่าวเจ้าสาว ขายมาจนถึงจุด ๆ หนึ่ง มันต้องเริ่มการแปรรูป ก็เริ่มเข้าหาหน่วยงานวิจัย เข้าโครงการแปรรูปของ สวทช ร่วมกับ ธ.ก.ส.
“ตอนนั้นได้สูตรแปรรูปมา ก็คือ ข้าวกล้องงอกอัดเม็ด ก็จะเป็นงานนวัตกรรมที่ได้งานวิจัยพัฒนากับกระทรวงวิทย์ หลังจากนั้น ก็คุยกับนักวิจัยว่า มันต้องไปต่อ เพราะเราต้องผลิตเชิงพาณิชย์ เอางานตัวนี้ไปขอทุนของ NIA ตัวข้าวกล้องงอกอัดเม็ด ก็จะพัฒนาสินค้าตัวนี้ขึ้นมา เป็นข้าวกล้องงอกอัดเม็ดเจ้าแรกของประเทศไทย ตัวนี้ได้รางวัล BCG Next Gen แต่พอช่วงโควิด-19 วิเคราะห์ตลาดแล้วว่าตัวนี้เป็นกลุ่มสินค้าอาหารเสริมของเด็ก ซึ่งช่วงโควิด-19 ยังไม่จำเป็นสำหรับเด็ก มันต้องเป็นผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ก็เลยเอางานวิจัยตัวนี้มาทำเป็นข้าวกล้องงอกชงดื่ม โดยยังไม่ต้องไปอัดเม็ด เอาไปเข้าโครงการของ สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลับธรรมศาสตร์ ในการพัฒนาสูตรตัวนี้”นายปรีดาธพันธ์กล่าว
นายปรีดาธพันธ์กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นของสินค้า คือ ตั้งแต่แปลงนาเลย เราเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ เป็นข้าวอินทรีย์ เนื่องจากแปลงนาใช้ศาสตร์ของในหลวง ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ใช้โครงการหัวคันนาทองคำ ก็คือ ต้นไม้ล้อมรอบแปลงนาเลย ในนาปลูกข้าว เน้นปลูกข้าวอินทรีย์ ปลูกข้าวแค่นา เราไม่จำเป็นต้องทำ 3 ครั้ง
ส่วนนวัตกรรมเด่น ๆ มีผงชงดื่มข้าวกล้องงอก เราเอางานวิจัยจากข้าวกล้องอัดเม็ดมาต่อยอด ก็คือ เน้นเอาข้าวอินทรีย์มาทำข้าวกล้องงอก ซึ่งก็คือข้าวฮางของภาคอีสาน แต่เราจับตรงที่ว่าข้าวกล้องงอกวัดค่ากาบ้าได้เท่าไร เพราะตอนทำข้าวอัดเม็ด เราต้องวัดปริมาณที่จะต้องแปรรูป มีกาบ้าเท่าไรในกระบวนการนั้น ซึ่งกระบวนการต้องทำตั้งแต่การเพาะงอก เอาไปบด ไปอบ ไปย่อยเอมไซน์ แล้วมาทำให้สุก ซึ่งกระบวนการทำให้สุก ต้องควบคุมตรงที่ว่าต้องให้มีกาบ้าเหลือเท่าไร มันก็จะไม่เหมือนข้าวกล้องงอกที่เค้าบด ๆ ขายทั่วไป ตรงนี้ คือ ความแตกต่าง
ทางด้านกำลังการผลิต จะเน้นผลิตตามคำสั่งซื้อ โดยสามารถทำได้มหาศาล เพราะเราจ้างโอดีเอ็ม เราจ้างโรงงานที่ได้มาตรฐานอาหารเสริมเรื่องยาไปเลย และก็จะมีมาตรฐานที่ส่งออกได้ มาตรฐานต่าง ๆ ที่ต่างประเทศต้องการ โรงงานเหล่านี้ก็ซัปพอร์ตได้ ส่วนการทำตลาด ในประเทศก็ขายทางออนไลน์ทางเฟซบุ๊ก และขายผ่านช้อปปี้ ลาซาด้า และตลาดส่งออก จะเน้นการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ซึ่งได้คุยกับลูกค้าที่เป็นเทรดเดอร์แล้ว ที่มีก็เมียนมา อินเดีย สิงคโปร์ กัมพูชา
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง