​ซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐ ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ความลงตัวในการลดค่าครองชีพประชาชน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

img

“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ที่รัฐบาลได้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้รับสวัสดิการจากภาครัฐ ซึ่งล่าสุดมีผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติอยู่ที่ 11.67 ล้านคนทั่วประเทศ และขณะนี้รัฐบาลกำลังจะเริ่มทยอยแจกบัตรตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.2560 โดยมีกำหนดการใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2560 เป็นต้นไป
          
ไปดูกันว่า ผู้ถือบัตรดังกล่าว จะได้รับสวัสดิการจากรัฐอะไรบ้าง โดยความช่วยเหลือผ่านบัตร ได้แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ
         
1.หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งประกอบด้วย 1.วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ 2.วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

2.หมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย 1.วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2.วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท ต่อคนต่อเดือน และ 3.วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน
          
ในที่นี้ จะกล่าวถึง การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐว่าจะเกิดประโยชน์อะไร ทั้งในแง่ประชาชนผู้บริโภค และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น
         
พูดถึงตัวผู้บริโภค แน่นอนว่า จะได้ประโยชน์ในแง่ของการซื้อสินค้าที่ถูกลงกว่าการซื้อสินค้าในร้านค้าปกติ เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐนั้น เป็นสินค้าจากผู้ผลิตรายใหญ่และผู้ผลิตทั่วไป โดยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานปกติ แต่จะมีราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป 10-20%
          
สำหรับสินค้าที่ผู้บริโภคจะใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อได้ ณ ตอนนี้ มีจำนวนมากถึง 252 รายการ เช่น ข้าวสาร น้ำปลา ปลากระป๋อง น้ำถั่วเหลือง น้ำผลไม้ น้ำมันปาล์ม กะทิ ผงซักฟอก สบู่ น้ำยาล้างจาน เครื่องเขียน และปุ๋ยเคมี เป็นต้น
          
ส่วนร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2560 นั้น เบื้องต้นมีร้านที่ได้รับการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) แล้ว ประมาณ 2,000 ร้านค้า นั่นหมายความว่า จะมีเพียงแค่ 2,000 ร้านค้าเท่านั้น ที่ผู้บริโภคจะเข้าไปใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรูดซื้อสินค้าได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมีเพียงเท่านั้น เพราะขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งรายชื่อร้านค้าปลีกรายย่อยให้กับกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรอย่างต่อเนื่อง และพูดได้ว่า น่าจะติดตั้งกันแทบทุกวัน โดยคาดว่า ภายใน 1-2 เดือนนับจากวันที่ 1 ต.ค.2560 จะมีร้านธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตรจะมีครบทุกตำบลทั่วประเทศ หรือประมาณ 8,000 ร้านค้า
         
สาเหตุที่ติดตั้งล่าช้า เพราะการติดตั้งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งการเปิดบัญชีของร้านค้า เงื่อนไขทางการเงิน และอีกสาเหตุ ก็คือ โครงการซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ เพิ่งเพิ่มเข้ามาทีหลังโครงการอื่นๆ ที่เป็นสวัสดิการจากรัฐ เลยทำให้การเตรียมความพร้อม ต้องดำเนินการอย่างรีบเร่ง มีระยะเวลาดำเนินการแค่ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น
          
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ร้านธงฟ้าประชารัฐอีกเป็นจำนวนมาก ไม่พร้อมเปิดให้บริการรูดบัตรซื้อสินค้า กระทรวงพาณิชย์ได้อุดช่องโหว่ โดยได้เตรียมรถธงฟ้าประชารัฐขนสินค้าธงฟ้าประชารัฐตะเวนไปขายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ตั้งเป้าหมายให้มีอำเภอละไม่ต่ำกว่า 1 คัน ซึ่งประชาชนสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้ และสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรูดซื้อสินค้าได้ เพราะได้มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรไว้ที่รถด้วย
         
ทั้งนี้ หากในระยะต่อไป ร้านธงฟ้าประชารัฐสามารถขับเคลื่อนได้เต็มระบบ จะเกิดประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เพราะร้านค้าปลีกรายย่อย ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ในชุมชนต่างๆ จะมีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น เศรษฐกิจท้องถิ่นมีการหมุนเวียน โดยรัฐบาลคาดว่า จะมีเงินจากการซื้อขายสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนละ 3,200 ล้านบาท หรือปีละ 38,000 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้อีกหลายเท่าตัว
         
ถือเป็นโปรเจ็กต์ของรัฐบาล ที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่ยังช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีการขยายตัวได้เพิ่มขึ้นด้วย 
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด