ใช้สิทธิ์ FTA ส่งออก 10 เดือน 2.38 ล้านล้านบาท ยานยนต์ขนส่งของ-ทุเรียนแชมป์

img

กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 10 เดือน ปี 68 มีมูลค่า 75,715.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 6.46% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 81.77% ของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด อาเซียนนำโด่งใช้สิทธิ์สูงสุด ตามด้วยอาเซียน-จีน อาเซียน-อินเดีย ไทย-ญี่ปุ่น และไทย-ออสเตรเลีย ยานยนต์ขนส่งของแชมป์ใช้สิทธิ์สินค้าอุตสาหกรรม ทุเรียนแชมป์ใช้สิทธิ์สินค้าเกษตร
         
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 75,715.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.46% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 81.77% ของมูลค่าสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษภายใต้ FTA ทั้งหมด โดยการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) มูลค่า 27,417.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 71.25% รองลงมา คือ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 21,381.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 95.46% ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 8,163.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 72.12% ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 5,798.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 83.65% และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 4,711.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 56.91%

โดยสินค้าที่มีการใช้สิทธิ์ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 2.ทุเรียนสด 3.ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ 4.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ 5.เนื้อไก่ปรุงแต่ง ซึ่งสะท้อนว่าสินค้าภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการใช้สิทธิ์ FTA ของไทย ส่วนสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดต่างประเทศ จากความเชี่ยวชาญและมาตรฐานการผลิตของไทยที่ประเทศคู่ค้ายอมรับ



ทั้งนี้ หากดูเฉพาะเจาะจงลงไป พบว่า สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทุเรียน 2.เนื้อไก่ปรุงแต่ง 3.ชิ้นเนื้อและส่วนอื่นที่บริโภคได้ของสัตว์ปีกแช่แข็ง 4.น้ำตาลที่ได้จากอ้อย 5.ผลไม้สด (เงาะ ลำไย ทับทิมสด) มูลค่ารวม 21,586.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.51% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 2.ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ 3.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) 4.เครื่องจักรอัตโนมัติ 5.เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง มูลค่ารวม 54,128.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.49% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม กรมจะเดินหน้าทำงานเชิงรุกทั่วประเทศ ผ่านการจัดสัมมนาและอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์ FTA ตั้งแต่กฎถิ่นกำเนิดสินค้า การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงความคืบหน้าของ FTA ฉบับใหม่ โดยในปีงบประมาณ 2569 กำหนดเป้าหมายพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 1,200 ราย โดยเฉพาะกลุ่ม SME ซึ่งที่ผ่านมา กรมได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2568 ได้จัดสัมมนาที่จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้หัวข้อ “FTA GO! ขับเคลื่อนการค้า เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทย” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง โดยกรมจะเดินสายจัดสัมมนาต่อเนื่องที่จังหวัดระนอง ในวันที่ 8 ม.ค.2569 และจังหวัดปราจีนบุรี ในวันที่ 13-14 ม.ค.2569 ตามลำดับ ก่อนขยายสู่จังหวัดอื่น ๆ อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงราย สงขลา พระนครศรีอยุธยา ตาก จันทบุรี พิษณุโลก และชลบุรี ต่อไป

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง