​ไทยขึ้นเวที WTO ย้ำสมาชิก เดินหน้าปรับกฎระเบียบ เอื้อต่อการทำธุรกิจ การลงทุน

img

ไทยขึ้นเวที WTO ประชุมทบทวนนโยบายการค้าของไทย ครั้งที่ 9 ย้ำเดินหน้าพัฒนากฎระเบียบ สภาพแวดล้อมด้านการค้า เพื่อเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุน สนับสนุนการาเจรจาการค้าพหุภาคี ทั้งการเจรจาเกษตร อุดหนุนประมง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการปฏิรูป WTO ด้านสมาชิกกังวลระบบภาษี การเก็บภาษีรถยนต์ มาตรการสุขอนามัย การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ นโยบายแข่งขัน การจำกัดการลงทุนบริการ  
         
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมทบทวนนโยบายการค้าของไทย (Trade Policy Review: TPR) ครั้งที่ 9 ในวันที่ 1 และ 3 ธ.ค.2568 ณ องค์การการค้าโลก (WTO) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยการทบทวนนโยบายการค้าถือเป็นกลไกสำคัญของ WTO ที่มุ่งสร้างความโปร่งใส (Transparency) และความเชื่อมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคีโลกที่มี WTO เป็นแกนกลาง ซึ่งการทบทวนครั้งนี้ครอบคลุมนโยบายและมาตรการทางการค้าของไทยในช่วงปี 2563-2568 (ครึ่งปี)
         
ทั้งนี้ ประธาน TPR และผู้อภิปราย ได้สรุปความเห็นของสมาชิก WTO ทั้ง 53 ประเทศ ที่อ้างอิงจากรายงานที่จัดทำโดยฝ่ายเลขาธิการ WTO ระบุว่า เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญความผันผวนอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่สมาชิก WTO ก็ชื่นชมที่เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินเศรษฐกิจแบบเปิดตามระบบการค้าพหุภาคี การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน การปฏิบัติตามพันธกรณีของ WTO รวมถึงบทบาทโดดเด่นของผู้แทนไทยในเวที WTO ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ไทยในฐานะสมาชิก WTO ที่มีบทบาทสำคัญในระบบการค้าโลก

โดยไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูงถึง 137% ของมูลค่า GDP และเป็นเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง (Open Economy) อีกทั้งยังมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก ในช่วง 5 ปีที่มีการทบทวนนโยบายการค้า พบว่าไทยเดินหน้าพัฒนานโยบายที่จะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาการค้าดิจิทัลได้อย่างน่าพอใจและเติบโตเร็วกว่าตลาดโลก



ดร.กิริฎากล่าวว่า ได้นำเสนอความคืบหน้าการพัฒนากฎระเบียบและสภาพแวดล้อมด้านการค้าของไทยใน 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุน อีกทั้งได้นำเสนอนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่จะเดินหน้าปฏิรูปด้านเศรษฐกิจการค้า และย้ำจุดยืนของไทยในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กฎเกณฑ์ของ WTO รวมถึงการมีส่วนร่วมเชิงรุกและสร้างสรรค์ของไทยในประเด็นสำคัญหลักของ WTO เช่น การเจรจาเกษตร การอุดหนุนประมง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการปฏิรูป WTO ให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลก โดบย้ำท่าทีไทย “เรียนรู้–แบ่งปัน–ร่วมมือ” กับสมาชิก WTO เพื่อรับมือความท้าทายร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม สมาชิก WTO มีข้อกังวลและข้อซักถามในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ระบบภาษีศุลกากรของไทยที่มีความซับซ้อน การเก็บภาษีรถยนต์และสินค้าเกษตรในอัตราที่สูง มาตรการด้านสุขอนามัยเกี่ยวกับกระบวนการรับรองการปลอดโรคของสินค้าพืชและสัตว์นำเข้าที่ใช้เวลานาน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ นโยบายการแข่งขัน และการจำกัดการลงทุนภาคบริการ โดยเสนอแนะให้ไทยเปิดเสรีภาคบริการเพิ่มเติม ลดข้อจำกัดในการถือหุ้นของต่างชาติ เพิ่มการแข่งขันและปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากไทยสามารถเร่งการปฏิรูปภายในเพิ่มเติมก็จะยิ่งทำให้ไทยเข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนความสนใจและการให้ความสำคัญของสมาชิก WTO ต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของไทยอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ สมาชิก WTO เรียกร้องให้ไทยเร่งให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง พิจารณาเข้าร่วมความตกลง Multi-Party Interim Appeal Arbitration Arrangement (MPIA) สนับสนุนการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับการส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transmissions) และความตกลง E-commerce ของ WTO และสนับสนุนที่ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งสมาชิก WTO เห็นว่าจะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายในการยกระดับเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2580

ในช่วงท้าย ประธานและผู้อภิปราย ได้กล่าวชื่นชมผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดทำรายงานนโยบายการค้าไทย รวมทั้งชี้แจงและตอบข้อซักถามของสมาชิก WTO ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้การประชุมทบทวนนโยบายการค้าของประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม

“การทบทวนนโยบายการค้าครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยไทยได้สร้างความเข้าใจ และความตระหนักรู้ของสมาชิก WTO ต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ การค้า และการกำกับดูแลของไทย ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของคู่ค้าและนักลงทุน ขณะเดียวกัน ความเห็นและข้อเสนอแนะจากสมาชิก WTO ยังเป็นประโยชน์ให้ไทยนำไปปรับปรุงนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนของไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น”ดร.กิริฎากล่าว


 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง