กรมทรัพย์สินทางปัญญาหารือ ปตท. ร่วมมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ ส่งเสริมการสร้างผลงานนวัตกรรม การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ พร้อมชวนร่วมโชว์ผลงานในงาน IP Fair 2026 ที่จะจัดกลางปี 69 ย้ำมีนโยบาย IP 4 All ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งส่งเสริมการสร้างผลงาน การคุ้มครอง การผลักดันออกสู่ตลาด และการใช้ประโยชน์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และคณะ ถึงแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมผลงานนวัตกรรมให้ได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและต่อยอดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างแต้มต่อนวัตกรรมไทยให้แข่งขันได้ในตลาดสากล และใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
ทั้งนี้ ปตท. เป็นองค์กรที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีผลงานที่ได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก ครอบคลุมอุตสาหกรรมพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า วัสดุทางการแพทย์ และเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ตัวเร่งปฏิกิริยา PTT SCR เพื่อใช้ในการกำจัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ในไอเสียจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง วัสดุปิดแผลไบโอเซลลูโลส Innaqua ผลิตภัณฑ์เครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และระบบแพลตฟอร์ม (EV Charger and Charging Platform) เป็นต้น
“กรมพร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือกับบริษัท ปตท. เพื่อยกระดับระบบนิเวศทรัพย์สินทางปัญญา และใช้กลไกทรัพย์สินทางปัญญาต่อยอดภาคธุรกิจให้แข็งแกร่ง และยินดีสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญาผ่านบริการต่าง ๆ ของกรม รวมทั้งการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อสร้างหน่วยงานต้นแบบในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบ”นางอรมนกล่าว

ขณะเดียวกัน ได้เชิญชวนบริษัท ปตท. ร่วมเป็นพันธมิตรสำคัญในการจัดแสดงผลงานนวัตกรรมและเทคโนโลยี ภายในงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP Fair 2026) ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงกลางปี 2569 โดยงานดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญในการจับคู่ธุรกิจ การซื้อ-ขายสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
นางอรมนกล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมได้ขับเคลื่อนโรดแมป IP 4 All เพื่อให้ทรัพย์สินทางปัญญาสร้างแต้มต่อให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านการเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมงานสร้างสรรค์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าสู่ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยบันไดขั้นแรก คือ การส่งเสริมการสร้างผลงานนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบครบวงจรผ่านศูนย์ IPAC (Intellectual Property Advisory Center) ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการพัฒนานวัตกรรม การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างเหมาะสม ตลอดจนการวางกลยุทธ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเป็นระบบมากขึ้น
บันไดขั้นที่สอง คือ การส่งเสริมผลงานสร้างสรรค์เข้าสู่ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างรวดเร็ว โดยกรมได้จัดให้มีช่องทางเร่งรัด (Fast Track) ที่สามารถจดทะเบียนได้เร็วขึ้น สำหรับสาขาที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตและที่ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน ได้แก่ 1.สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร ใน 3 สาขานวัตกรรม คือ นวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ใช้เวลาจดทะเบียน 12 เดือน (จากปกติ 38.5 เดือน นับจากวันยื่นให้ตรวจสอบการประดิษฐ์) และอนุสิทธิบัตรใช้เวลาจดทะเบียน 6 เดือน (จากปกติ 12 เดือนนับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ) 2.สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในสาขานวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้เวลาจดทะเบียน 3 เดือน (จากปกติ 10 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ) และ 3.เครื่องหมายการค้า ในกรณีที่ต้องนำหลักฐานการจดทะเบียนไปแสดงต่อหน่วยราชการอื่น โดยใช้เวลาจดทะเบียน 3 เดือน (จากปกติ 10.5 เดือน นับจากวันยื่นคำขอ) ซึ่งกรมมีแผนจะขยายช่องทาง Fast Track ในสาขานวัตกรรมและสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป
บันไดขั้นที่สาม คือ การส่งออกผลงานสร้างสรรค์และนวัตกรรมไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยส่งเสริมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศที่เป็นตลาดเป้าหมายของธุรกิจ ทั้งการจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT (Patent Cooperation Treaty) โดยยื่นคำขอเดียวและเลือกรับความคุ้มครองได้กว่า 158 ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิก และการจดเครื่องหมายการค้าผ่านระบบ Madrid (Madrid Protocol) โดยยื่นคำขอเดียวและเลือกรับความคุ้มครองได้กว่า 131 ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิก โดยแนวทางดังกล่าวช่วยอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจสามารถทำการค้าในต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ

บันไดขั้นที่สี่ คือ การเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจให้สามารถใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์และบริหารจัดการสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการอนุญาตให้ใช้สิทธิ การโอนสิทธิ การจำหน่าย และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกัน (IP Financing) เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจและเกิดการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ สร้างแรงจูงใจในการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศ เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยั่งยืน
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

