สนค.เผยดัชนีราคาส่งออก เดือน ก.ย.68 เพิ่ม 0.5% ได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทองคำ และอาหารแปรรูป ส่วนดัชนีราคานำเข้า เพิ่ม 3.7% เหตุนำเข้าสินค้าทุน วัตถุดิบ มาผลิตใช้ในประเทศและส่งออก เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น คาดดัชนีทั้งส่งออกนำเข้าไตรมาส 4 ยังขยายตัวต่อ
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออก เดือน ก.ย.2568 เท่ากับ 111.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% โดยได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทองคำ และอาหารแปรรูปเป็นสำคัญ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ 116.4 เพิ่มขึ้น 3.7% ตามความต้องการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมภายในประเทศและส่งออก รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในเดือน ก.ย.2568 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับรายละเอียดดัชนีราคาส่งออก ที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มของหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 1.6% ได้แก่ ทองคำ เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการอุปกรณ์และชิ้นส่วน เพื่อรองรับการลงทุนในดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล (Data Center) และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามความต้องการของตลาดเครื่องปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 0.9% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ราคายังอยู่ในเกณฑ์ดีตามความต้องการของตลาด และอาหารสัตว์เลี้ยง ตามความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทพรีเมียม หรือสูตรสุขภาพ และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามความต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น
ส่วนหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 6.4% ได้แก่ ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ยางพารา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ราคายังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปัญหาอุปทานส่วนเกิน และความต้องการนำเข้าจากประเทศคู่ค้าหลักชะลอตัว ประกอบกับเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาจากประเทศคู่แข่ง และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลง 5.3% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง

ทางด้านดัชนีราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 7.2% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 6.0% โดยเฉพาะทองคำ ตามความต้องการสำรองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ปุ๋ย ตามต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเพิ่มขึ้น และสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ตามทิศทางราคาตลาดโลกของโลหะสำคัญเพิ่มขึ้น อาทิ ทองแดง และอะลูมิเนียม หมวดสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 4.9% ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ ตามความต้องการสินค้าเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคการผลิต การลงทุน และการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการยังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลดลง 5.3% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอลง ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานน้อยลง สำหรับหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเปลี่ยนแปลงในบางกลุ่มสินค้าสำคัญ โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น คือ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบการผลิต และส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าที่มีราคาลดลง คือ รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ตามความต้องการที่ชะลอลง ประกอบกับมีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาด
นายนันทพงษ์กล่าวว่า ดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า ไตรมาสที่ 4 ปี 2568 คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีตามการขยายตัวของ AI และ Data Center รวมถึงอุตสาหกรรม EV ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น และไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองทั่วโลก อาจส่งผลให้มีคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกินและการแข่งขันทางด้านราคา และเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ที่เป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวด้านราคาของไทย

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

