ดัชนีราคาส่งออก มิ.ย.เพิ่ม 0.7% หลังคู่ค้าเร่งนำเข้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

img

สนค.เผยดัชนีราคาส่งออก เดือน มิ.ย.68 เพิ่มขึ้น 0.7% จากความต้องการเร่งสต๊อกสินค้าของประเทศคู่ค้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และลดความเสี่ยงด้านราคาในอนาคต ส่วนดัชนีราคานำเข้า เพิ่ม 2.4% เหตุผู้ผลิตในประเทศต้องเร่งนำเข้า เพื่อมาผลิตเป็นสินค้าส่งออกและรองรับการบริโภคในประเทศ คาดไตรมาส 3 ดัชนียังขยายตัว แต่ต้องระวังเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาภาษีสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรผันผวน เงินบาทแข็งค่า          

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเดือน มิ.ย.2568 เท่ากับ 111.3 เพิ่มขึ้น 0.7% ตามการเร่งสต๊อกสินค้าของประเทศคู่ค้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ115.4 เพิ่มขึ้น 2.4% จากการนำเข้าเพื่อนำมาผลิตรองรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น และรองรับการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
         
สำหรับรายละเอียดดัชนีราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 1.8% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการเร่งนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้าก่อนจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนไปยังตลาดโลก และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของชิ้นส่วนโลหะ ประกอบกับแนวโน้มอุณหภูมิของหลายประเทศที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 1.2% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ตามความนิยมอาหารพร้อมรับประทานเพิ่มขึ้น อาหารสัตว์เลี้ยง ตามความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ เนื่องจากการให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์  โดยเฉพาะน้ำดื่มและน้ำผลไม้ ตามความต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น



ส่วนหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลด 10.9% ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ ตามอุปทานน้ำมันตลาดโลกเพิ่มขึ้น จากนโยบายปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลด 4.3% ได้แก่ ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขันด้านราคาจากประเทศคู่แข่ง ทำให้ความต้องการชะลอลง
         
ทางด้านดัชนีราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 8.0% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 5.5% โดยเฉพาะทองคำเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า ตามความต้องการชิ้นส่วนเพื่อผลิตสำหรับขายในประเทศและส่งออก และปุ๋ย เนื่องจากอุปทานตึงตัว ขณะที่ความต้องการในภาคเกษตรเพิ่มขึ้น

หมวดสินค้าทุน เพิ่ม 4.7% ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออก และการขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิทัล และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่ม 0.8% โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ สำหรับใช้ภายในประเทศและส่งออก รวมถึงรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลด 10.7% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะปรับตัวสูงเกินกว่าอุปสงค์โลก
         
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า ไตรมาสที่ 3 ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัวมาจากความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรแปรรูป และอาหารในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI และ Data Center รวมถึงอุตสาหกรรม EV ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายของหลายประเทศที่มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขันทางด้านราคา และเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งเป็นข้อจำกัดของภาคการส่งออกไทย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง