
กรมการค้าภายในรับลูก “จตุพร-สุชาติ” ถกห้างค้าปลีกค้าส่ง ติดตามสถานการณ์การค้าแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีสาขารวม 576 สาขา ปิดให้บริการชั่วคราวบางพื้นที่ 104 สาขา แต่ไม่มีปัญหาสินค้าขาดแคลน สามารถกระจายไปยังสาขาใกล้เคียง ราคาจำหน่ายปกติ กำชับเร่งเติมสต๊อก และจัดส่งสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่าให้ขาด และตรวจสอบการกักตุน โก่งราคาอย่างต่อเนื่อง
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้เรียกประชุมด่วนผ่านระบบออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ตราด และจันทบุรี และผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ อาทิ ซีพี แอ็กซ์ตร้า (แม็คโคร โลตัส โกเฟรช) บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์และวางแผนการเติมสินค้าเข้าสู่พื้นที่อย่างเร่งด่วน ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ดูแลไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าจำเป็นในพื้นที่ และห้ามผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด
โดยผลการหารือ ผู้ประกอบการแจ้งว่า ปัจจุบันในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มีห้างค้าปลีก 576 สาขา มีสาขาย่อยที่ปิดให้บริการชั่วคราวในบางพื้นที่ จำนวน 104 สาขา ประกอบด้วย เซเว่น โกเฟรช และมินิโลตัส แต่ผู้ประกอบการยืนยันว่ายังสามารถกระจายสินค้าไปยังสาขาใกล้เคียงและจุดพักพิงในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง และสินค้ายังจำหน่ายในราคาปกติ ไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประชาชนจำนวนมาก ต้องอพยพเข้าอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว บางพื้นที่ยังเข้าถึงสินค้าได้ยาก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียง กรมขอให้ผู้ผลิตและห้าง เร่งผลิตและจัดส่งสินค้าที่มีความต้องการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ ได้แก่ น้ำดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน ยากันยุง ยาทาแก้คัน ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก ยาสามัญประจำบ้าน หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เครื่องนอนชั่วคราว เสื้อผ้า ผ้าห่ม และของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน เข้าไปในพื้นที่โดยด่วน อย่าให้มีปัญหาขาดแคลน และเร่งเติมสต๊อกให้เต็มที่ด้วย
นอกจากนี้ ได้ขอให้ห้างค้าปลีกค้าส่ง ช่วยเตรียมสินค้าสำหรับหน่วยงานหรือประชาชน ที่ต้องการจัดซื้อเพื่อบริจาคให้สามารถซื้อสินค้าในปริมาณมากได้โดยไม่ติดขัด และยังกำชับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ชายแดนรายงานความต้องการสินค้าในแต่ละวันกลับมายังกระทรวงพาณิชย์ และเร่งตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุสมควร ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง