
กรมการค้าต่างประเทศพร้อมเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form C/O) สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) ผ่านระบบ DFT SMART C/O อย่างครบวงจร ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป สำหรับสินค้า 2 กลุ่ม รวม 8 ประเภท ระบุช่วงปี 65-67 มีการออก Form C/O ไป EU รวม 50,526 ฉบับ มูลค่า 3,891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าไก่นำโด่ง ตามด้วยข้าวและแป้งมันสำปะหลัง
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมจะเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าหรือ Certificate of Origin (C/O) ให้ผู้ส่งออกนำไปใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร ณ ประเทศปลายทางสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2568 เป็นต้นไป โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.สินค้าที่ได้โควตาในการนำเข้า EU รวม 5 ประเภท ได้แก่ ปลา ไก่ มันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง ข้าว และ 2.สินค้า ที่ต้องมีหนังสือรับรองประกอบการส่งออกไป EU รวม 3 ประเภท ได้แก่ ใบยาสูบ หัตถกรรมทั่วไป ผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอด้วยมือ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้แจ้งว่ายอมรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form C/O) สำหรับสินค้าส่งออกไป EU ที่กรมจะให้บริการผ่านระบบ DFT SMART C/O แล้ว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ประกอบด้วยการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronics Signature and Seal (ESS) และการเปลี่ยนแปลงแบบพิมพ์หนังสือรับรอง จากเดิมที่ใช้กระดาษต่อเนื่อง เป็นกระดาษ A4 (สีขาว) พร้อมทั้งแสดง QR code 2 รหัส ด้านล่างของหนังสือรับรอง เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและรับรองการมีอยู่ของเอกสาร ณ เวลานั้น ๆ (e-timestamping)
โดยระบบ DFT SMART C/O ของกรม เป็นการยกระดับการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบครบวงจร มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกในการใช้งานของผู้ประกอบการ ตั้งแต่การยื่นคำขอ การติดตามสถานะคำขอ ที่สามารถดำเนินการผ่านระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดต่อขอรับหนังสือรับรองที่เจ้าหน้าที่อนุมัติแล้วด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถสั่งซื้อแบบพิมพ์ Form C/O ไป EU ผ่านเว็บไซต์ https://formstore.dft.go.th เพื่อนำไปพิมพ์เอง (Self - printing) จากสำนักงานหรือที่บ้านของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรับ Form C/O สินค้าส่งออกไป EU ที่ง่ายดายและสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์การค้ายุคใหม่ โดยผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับหนังสือรับรองที่หน่วยงานให้บริการ (No visit) อีกต่อไป
ส่วนผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยขอหนังสือรับรองผ่านระบบ DFT SMART C/O ขอให้เตรียมความพร้อมโดยการสมัครบัญชีผู้ใช้งานประเภทนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวมถึงมอบ-รับมอบอำนาจ ผ่านระบบ DFT SMART-I ในลำดับแรก และส่งภาพลายเซ็น ภาพตราประทับ และไฟล์ Digital Certificate (DC) ผ่านระบบ DFT SMART C/O ให้เรียบร้อยก่อน จึงจะสามารถยื่นขอ Form C/O ไป EU กับระบบ DFT SMART C/O ได้
นางอารดากล่าวว่า ระหว่างปี 2565–2567 มีการออก Form C/O ไป EU รวมทั้งสิ้น 50,526 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าที่มีผู้ประกอบการขอ Form C/O ไป EU มากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ไก่ จำนวน 47,654 ฉบับ มูลค่า 3,668 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้าว จำนวน 1,857 ฉบับ มูลค่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 602 ฉบับ มูลค่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าการเปิดให้บริการ Form C/O ไป EU ผ่านระบบ DFT SMART C/O จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการและส่งเสริมการค้าระหว่างไทยและสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2566 ถึงปัจจุบัน กรมได้เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองผ่านระบบ DFT SMART C/O รวม 11 ประเภท ได้แก่ Form RCEP, Form อาเซียน-ฮ่องกง, Form อาเซียน-ญี่ปุ่น, Form ไทย-เปรู, Form อาเซียน-จีน, Form อาเซียน-เกาหลี, Form C/O ทั่วไป, Form อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, Form ไทย-ญี่ปุ่น Form ไทย-ออสเตรเลีย และ e-Form D (อาเซียน) โดยมีปริมาณการออก Form รวมทั้งสิ้น 983,870 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 90,033.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Form ที่มีผู้ประกอบการขอมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ Form E (อาเซียน-จีน) จำนวน 363,635 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 34,865.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Form C/O ทั่วไป จำนวน 273,838 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 19,156.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Form ไทย-ญี่ปุ่น จำนวน 120,663 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 7,336.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กรมมีแผนจะเปิดให้บริการออกฟอร์มอีก 3 ประเภท ได้แก่ อาเซียน-อินเดีย ไทย-อินเดีย และไทย-ชีลี ผ่านระบบ DFT SMART C/O ให้ได้ภายในปี 2568 โดยผู้ประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ผ่านหน้าระบบการให้บริการออกหนังสือรับรอง และที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง