​“พิชัย”ชวนญี่ปุ่น เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล สีเขียว

img

“พิชัย”เผยได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ชวนเพิ่มการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในไทย ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ หุ่นยนต์ พร้อมเสนอให้เพิ่มความร่วมมือสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล สีเขียว เห็นพ้องร่วมมือขับเคลื่อน WTO ในประเด็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายอุตสาหกรรม และฟื้นกลไกระงับข้อพิพาท
         
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีกับนายโอกูชิ มาซากิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นในช่วงการประชุมคณะมนตรี OECD ประจำปี ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ได้หารือแนวทางความร่วมมือและการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และเชิญชวนญี่ปุ่นลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เพื่อรักษาให้ไทยเป็นฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานสำคัญของญี่ปุ่น
         
ทั้งนี้ ยังได้เสนอให้ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นสาขาที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ภาคเอกชนไทยได้เรียนรู้การนำเทคโนโลยี AI และดิจิทัลของญี่ปุ่นมาปรับปรุงระบบการผลิตและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนไทยให้ดียิ่งขึ้น และพร้อมรับมือกับความท้าท้ายและการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจในอนาคต

ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างเข้มข้น เพื่อขับเคลื่อนองค์การการค้าโลก (WTO) ในประเด็นที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญ เช่น การผนวกรวมความตกลงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ภายใต้กรอบกฎเกณฑ์ของ WTO การจัดทำกฎเกณฑ์ด้านนโยบายอุตสาหกรรม และการทำให้กลไกระงับข้อพิพาทกลับมาทำงานได้เต็มที่อิกครั้ง ซึ่งไทยยินดีให้ความร่วมมือในประเด็นเหล่านี้
         


นายพิชัยกล่าวว่า ตนได้พบกับผู้นำในรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องในเวทีการประชุมนานาชาติ เช่น ในการประชุม OECD ที่กรุงปารีส ได้พบหารือกับ Mr. FUJII Hisayuki รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของญี่ปุ่น และในช่วงการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ที่เชจู เกาหลีใต้ ก็ได้พบหารือกับ Mr.MIYAJI Takuma รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งตนได้เล่าถึงความพร้อมของไทยที่จะเปิดรับการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และถือโอกาสเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งรัฐมนตรีทั้งสองท่านก็ตอบรับ และแสดงความสนใจในความพร้อมของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
         
จากนั้น เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตนได้หารือกับ Mr.HAYASHI Yoshimasa เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (Chief Cabinet Secretary) และ Mr.Taro KONO สส .จังหวัดคานางาวะ อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น ซึ่งทั้งคู่เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น ในประเด็นความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมใหม่ ที่ญี่ปุ่นกำลังจะมีการลงทุนเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งได้ผลักดันให้ไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในซัปพลายเชนของญี่ปุ่น

สำหรับญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดและเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 3 และเป็นนักลงทุนสะสมอันดับ 1 ของไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มีบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในไทยประมาณ 6,000 บริษัท โดยรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงกฎระเบียบด้านการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของต่างชาติรวมทั้งญี่ปุ่น

ในปี 2567 ไทยและญี่ปุ่นมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 52,020.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 23,285.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักรกลเคมีภัณฑ์ และไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 28,734.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์และแผงวงจรไฟฟ้า ส่วนในช่วง 4 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 17,166.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออก 7,649.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้า 9,517.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง