
สนค.เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ค.68 อยู่ที่ระดับ 48.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน เม.ย.68 ได้รับแรงหนุนจากการปรับแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แทนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ความกังวลภาษีสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังชะลอ 90 วัน และส่งออกขยายตัว ระบุดัชนีภาพรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเชื่อมั่น หวังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เจรจาภาษีสหรัฐฯ ได้ผลช่วยดันความเชื่อมั่นเพิ่ม
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน พ.ค.2568 อยู่ที่ระดับ 48.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน เม.ย.2568 ที่อยู่ที่ระดับ 48.8 โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐ ให้สอดคล้องกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจการค้าโลก เน้นการลงทุนโครงการที่มีศักยภาพ แทนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตรอบ 3 ความกังวลมาตรการภาษีสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังชะลอไป 90 วัน และการส่งออกเดือน เม.ย.2568 ขยายตัวต่อเนื่องจากการเร่งส่งมอบ
สำหรับรายละเอียดผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.84 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.11 เศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 9.76 ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 8.31 สังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 6.91 การเมือง คิดเป็นร้อยละ 4.49 ภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 3.49 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 2.72 และอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.37 ตามลำดับ
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 49.3 ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 47.7 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 47.4 และภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 45.7 ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าและไม่อยู่ในช่วงความเชื่อมั่น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มีเพียง 1 กลุ่มอาชีพ ที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 53.0 ขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 49.2 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 49.2 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 49.9 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 47.8 อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 46.6 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 46.3 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 35.7
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ยังอยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่น จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง ความกังวลของประชาชนต่อระดับหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดของไทยและประเทศคู่แข่งขันที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงตามฤดูกาล ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่า ภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชน อาทิ การปรับแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งจะสามารถช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาเป็นรากฐานในการพัฒนาระยะยาว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการประกาศแผนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งสำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และยังมีการติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาอย่างรอบด้าน เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จโดยเร็วและเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง