​“สุนันทา”โชว์ผลจัดคณะผู้แทนการค้าผลไม้ลุยขายยูเออี โกยรายได้ 444.5 ล้านบาท

img

“สุนันทา”รับนโยบาย “พิชัย” สั่งทูตพาณิชย์ดูไบ จัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าผลไม้สดและแปรรูปบุกขยายตลาด ประสบความสำเร็จเกินคาด โกยรายได้ 444.5 ล้านบาทใน 1 ปี เผยสนใจมะพร้าวน้ำหอม มะม่วง เงาะ ลำไย สับปะรดภูแล ขนุน และส้มโอ รวมถึงทุเรียนแช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้อบแห้ง และ Fruit Snack ด้านผู้ประกอบการยิ้มแฉ่ง ขอเข้าร่วมอีกในอนาคต
         
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ (สคต.ดูไบ) จัดโครงการคณะผู้แทนการค้าสินค้าผลไม้สดและแปรรูปเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 7–10 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา เพื่อขยายตลาดใหม่ตามนโยบายเชิงรุกของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการลดการพึ่งพาตลาดเดิม และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดตะวันออกกลาง และล่าสุด สคต.ดูไบ ได้รายงานผลเข้ามาแล้ว สามารถเจรจาการค้าได้ทันทีคิดเป็นมูลค่า 10.2 ล้านบาท และคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อในระยะ 1 ปีสูงถึง 444.5 ล้านบาท
         
นายปิติชัย รัตนนาคะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ กล่าวว่า สคต.ดูไบ ได้รับนโยบายและจัดกิจกรรมนำคณะผู้แทนการค้าไทย จำนวน 12 บริษัท จากจังหวัดจันทบุรี ปทุมธานี ราชบุรี กรุงเทพฯ และเชียงราย เดินทางไปพบเจรจากับผู้นำเข้ารายสำคัญ ห้างค้าปลีก โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ผลไม้สด อาทิ มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง เงาะ ลำไย สับปะรดภูแล ขนุน และส้มโอ รองลงมา คือ สินค้าผลไม้แช่แข็งและแปรรูป อาทิ ทุเรียนแช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้อบแห้ง และ Fruit Snack
         


ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ยังได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโครงสร้างราคาสินค้า มาตรฐานสินค้า และพฤติกรรมผู้บริโภค และเข้าเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ อาทิ โกดังแช่เย็น ตลาดค้าส่งผลไม้ และห้างค้าปลีกชั้นนำในดูไบ เช่น Spinneys, Choithrams, WeMart, Lulu, Waitrose, Carrefour และ Waterfront Market ซึ่งแต่ละแห่งมีฐานลูกค้าแตกต่างกัน ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Expat กลุ่มชนชั้นกลาง และกลุ่มผู้นิยมสินค้าราคาประหยัด โดยผู้ประกอบการไทยแสดงความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการ และสนใจเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายในดูไบเพิ่มเติมในอนาคต
         
สำหรับตลาดยูเออี เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยยูเออีมีการนำเข้าผลไม้จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้เมืองร้อนจากอาเซียน เอเชียใต้ แอฟริกา และละตินอเมริกา ทั้งนี้ คุณภาพและราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่
         
ในปี 2566 ไทยส่งออกผลไม้สดไปยัง 15 ประเทศในตะวันออกกลาง มีมูลค่า 41.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.1% ปี 2567 มูลค่า 45.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.3% และช่วง ม.ค.-มี.ค.2568 มูลค่า 11.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.8% โดยกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 99.4% ของการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดไปยังตะวันออกกลาง และยูเออีเป็นผู้นำเข้าหลัก คิดเป็น 46% รองลงมา คือ ซาอุดีอาระเบีย 25% กาตาร์ 13% บาห์เรน 6% คูเวต และโอมาน ประเทศละ 5%

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง