
สนค.เผยดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน พ.ค.68 ลดลง 3.7% จากการลดลงของสินค้าทุกหมวด ทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จากการแข่งขันสูงและความต้องการในตลาดโลกลดลง ผลิตภัณฑ์จากเหมือง และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จากภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน คาด มิ.ย. ยังชะลอตัวลงอีก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือน พ.ค.2568 เท่ากับ 109.4 ลดลง 3.7% มีสาเหตุมาจากการลดลงของราคาในทุกหมวดสินค้า ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความไม่แน่นอนของมาตรการทางการค้าและภาษีที่ส่งผลให้ตลาดปลายทางชะลอคำสั่งซื้อ และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออก ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังซื้อภาพรวมภายในประเทศหดตัวลง รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง
สำหรับรายละเอียดการลดลงของดัชนีราคาผู้ผลิต หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลด 9.4% จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูงจากภาวะแล้ง หัวมันสำปะหลังสด จากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ยางพารา จากราคาส่งออกในปีนี้ที่ลดลงตามภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ความต้องการของตลาดปลายทางลดลง และโคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง
ส่วนสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเหนียว จากความต้องการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น ผลปาล์มสด จากความต้องการสินค้าเพิ่มจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลไม้ (มะพร้าว สับปะรดโรงงาน) จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สุกรมีชีวิต จากปริมาณผลผลิตในภาพรวมที่ลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และกุ้งแวนนาไม จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดลดลงจากต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงขึ้น
หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลด 4.7% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก สินแร่โลหะ (แร่เหล็ก ดีบุก สังกะสี) จากการชะลอตัวของอุปสงค์ และการแข่งขันในตลาดโลก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (ยิปซัม เกลือ) จากผลผลิตที่ออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาปรับลดลง
หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลด 2.9% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ สารพอลิเมอร์และสารเคมีอินทรีย์อื่น ๆ เอทานอล คลอรีน เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ยางสังเคราะห์ ปรับราคาตามวัตถุดิบที่ลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรพิมพ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์รับข้อมูล แสดงผล ปรับตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ น้ำตาลทราย มันเส้น แป้งมันสำปะหลัง ปลากระป๋อง ไก่สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกลดลง ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ เคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มิ.ย.2568 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยมีปัจจัยสำคัญจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเข้ามาเพิ่มขึ้นจากการระบายสินค้าอุปทานส่วนเกินของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ส่งผลต่อราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรสำคัญที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลต่อราคาในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ของตลาดปลายทางในภาพรวมที่ชะลอตัวลง กระทบต่อการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นในตลาดส่งออก และค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า กระทบต่อราคาสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออก
ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ อุปสงค์การสต็อกสินค้าในช่วงระยะเวลาขยายมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น แต่มาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ และภาวะการค้าของคู่ค้าสำคัญ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในทิศทางใด จึงต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง