 
                                                    “จุรินทร์”เปิดงาน “เทศกาลอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 2” ฉลองครบรอบ 75 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-อินเดีย มั่นใจช่วยดันการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ย้ำจะเดินหน้าทำ Mini FTA กับอีกหลายรัฐในอินเดียต่อ  
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 2” ว่า ในนามตัวแทนรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลกลางของอินเดียและรัฐบาลของรัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่จัดงานเทศกาลอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย ครั้งที่ 2 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระการครบรอบ 75 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทยกับอินเดีย โดยมั่นใจว่าจะมีส่วนสำคัญในการเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเส้นทางหลวงไตรภาคีระหว่างไทย เมียนมา และอินเดียเสร็จสมบูรณ์ จะยิ่งเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ตนมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีโอกาสนำคณะกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เดินทางไปที่อินเดียแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งเดือนก.ย.2562 เยือนมุมไบและเจนไน สามารถทำ MOU มูลค่ามหาศาลระหว่างไทยกับอินเดีย ครั้งที่ 2 เดือนพ.ค.2563 เยือนเมืองบังกาลอร์และเมืองไฮเดอร์ราบัด ทำให้กระทรวงพาณิชย์ของไทยมีโอกาสทำ Mini-FTA กับรัฐเตลังคานาขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ 11 เม.ย.2565 ซึ่งจะช่วยทำให้มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับรัฐเตลังคานา ของอินเดียเพิ่มมากขึ้น และยังมีแผนที่จะทำ Mini-FTA กับอีกหลายรัฐของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นรัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ รัฐเกรละ รัฐคุชราต รวมถึงรัฐอัสสัมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียต่อไป


รายงานข่าวจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานของอินเดียประกอบด้วย 8 รัฐ ได้แก่ 1.อรุณาจัลประเทศ 2.อัสสัม 3.เมฆกัลยา 4.มณีปุระ 5.มิโซรัม 6.นากาแลนด์ 7.ตริปุระ หรือคนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า “รัฐเจ็ดสาวน้อย” และ 8.สิกขิม ซึ่งเป็นรัฐน้องใหม่ล่าสุด เป็นแหล่งของวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแปรรูปอาหาร สิ่งทอ และพลังงาน เป็นต้น และรัฐบาลอินเดียกำลังเร่งผลักดันภูมิภาคนี้ ให้เป็นประตูสำคัญสู่อาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทางหลวงไตรภาคีระหว่างอินเดีย-เมียนมา-ไทยเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยให้การขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างอินเดียและภูมิภาคอาเซียนสะดวกยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย มีความใกล้ชิดกับไทย ทั้งในทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณี โดยงานเทศกาลที่ใกล้เคียงกับไทยมาก คือ งานเทศกาล “ซังเก้น” (Sangken) ของรัฐอรุณาจัลประเทศ กับเทศกาลสงกรานต์ ของไทย และมีงานเทศกาล “โบฮัก บิฮู” (Bohag Bihu) ของรัฐอัสสัม ที่มีลักษณะเหมือนกับงานสงกรานต์ของไทย ถือว่าวัฒนธรรมประเพณีใกล้เคียงกันมากกับไทย
สำหรับการค้าไทย-อินเดียช่วง 6 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 314,196.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.26% เป็นการส่งออก มูลค่า 185,940.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.92% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปอินเดีย 5 ลำดับแรก ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 309.78% เม็ดพลาสติก เพิ่ม 41.45% เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 61.41% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 150.40% และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เพิ่ม 18.51%




ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

 
                     
                     
                     
                     
                    
 
                                             
                                             
                                             
                                            