​“พาณิชย์”เผยกุ้ง ปู ปลาหมึก ปลาแช่แข็ง มีโอกาสส่งออกไปจีนเพิ่ม หลังจีนขึ้นภาษีอาหารทะเลจากสหรัฐฯ

img

“พาณิชย์”เผยผลศึกษาสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนในกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลปรุงแต่ง พบหลังจีนขึ้นภาษี 25% สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกไปจีนได้เพิ่มขึ้น เผยกุ้ง ปู มาแรง ตามด้วยปลาหมึก ปลาแช่แข็งบางชนิด ทั้งปลาโซล ปลาไหล ปลาตะเพียน ปลาจะละเม็ดดำ และปลากะพงแดง  ส่วนสินค้าสหรัฐฯ ที่ถูกขึ้นภาษี ไทยมีโอกาสนำเข้ามาใช้เป็นวัตถุดิบแปรรูปเพื่อส่งออก พร้อมจับตาสหรัฐฯ จ่อขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มนี้ สินค้าจีนอาจทะลักมาไทยเพิ่ม
         
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงผลการศึกษาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สำหรับกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งสินค้าอาหารทะเลปรุงแต่ง ที่จีนขึ้นภาษีกับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% จำนวน 222 รายการ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.2561 ว่า การที่จีนขึ้นภาษี จะทำให้สินค้าสหรัฐฯ ในตลาดจีนมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าอาหารทะเลจากไทยแข่งขันในตลาดจีนได้มากขึ้น  และมีโอกาสในการส่งออกเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มมากขึ้น 
         
โดยสินค้ากลุ่มแรกที่มีศักยภาพ เพราะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปตลาดโลกและจีนได้ดีอยู่แล้ว ได้แก่ กลุ่มสินค้าจำพวกกุ้งและปู ทั้งแบบมีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง ใส่เกลือ หรือรมควัน โดยในปี 2560 จีนนำเข้าสินค้าจำพวกกุ้งและปูจากทั้งโลกมากกว่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากสหรัฐฯ และไทยเป็นมูลค่า 290 และ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ขณะที่ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปโลกเป็นมูลค่าสูงถึง 1,160 เหรียญสหรัฐ ผู้ส่งออกไทยจึงมีโอกาสทำตลาดในจีนได้อีก
         
กลุ่มถัดมา เป็นกลุ่มที่ไทยขาดดุลการค้ากับจีน แต่เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกได้มากขึ้น ได้แก่ ปลาหมึกแช่แข็ง โดยปีที่ผ่านมา จีนนำเข้าปลาหมึกแช่แข็งจากโลกเป็นมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่นำเข้าจากไทยเพียง 2 แสนเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ไทยมีศักยภาพสามารถส่งออกปลาหมึกแช่แข็งไปโลกได้ถึงปีละ 290 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าเนื้อปลาแช่แข็ง จีนนำเข้าเนื้อปลาแช่แข็งจากโลกเป็นมูลค่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากสหรัฐฯ และไทย มูลค่า 43 และ 1 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ ในขณะที่ไทยสามารถส่งออกเนื้อปลาแช่แข็งไปโลกได้ถึงปีละ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกปลาหมึกแช่แข็งและเนื้อปลาแช่แข็งไปจีนมากขึ้น และตลาดจีนยังมีช่องว่างอีกมากสำหรับสินค้าจากไทย
         
สินค้ากลุ่มปลาแช่แข็ง เป็นสินค้าที่ไทยขาดดุลการค้าในภาพรวม และขาดดุลการค้ากับจีน โดยในแต่ละปีมีการนำเข้าสูงถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่นำเข้ามาก เช่น ปลาทูนาครีบเหลือง ปลาสคิปแจ็ก และปลาแซลมอน มีแหล่งนำเข้าสำคัญ คือ ไต้หวัน สหรัฐฯ และจีน โดยนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่าประมาณ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ สนค. เห็นว่า มีสินค้าปลาแช่แข็งบางรายการที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นได้ เช่น สินค้ากลุ่มปลาแช่แข็งอื่นๆ ที่ประกอบด้วย ปลาโซล ปลาไหล ปลาตะเพียน ปลาจะละเม็ดดำ และปลากะพงแดง เป็นต้น
         
สำหรับสินค้าอาหารทะเลที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีนมาก และเมื่อจีนขึ้นภาษี อาจทำให้สินค้าจากสหรัฐฯ ส่งออกมาไทยเพิ่มขึ้น เช่น ปลาแช่แข็ง เช่น ปลาแซลมอนแปซิฟิก ปลาเรดแซลมอน ปลาค็อด ปลาอลาสกาพอลลัค เป็นต้น ปลาหมึกแช่แข็ง และลอบสเตอร์ ซึ่ง สนค. เห็นว่าไทยมีศักยภาพในการแปรรูปเพื่อส่งออก จึงน่าจะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมไทยในการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ มาแปรรูปเพื่อส่งออก และทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น แต่ก็ต้องดูแลเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาและสัตว์น้ำในประเทศด้วย
         
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2561 สหรัฐฯ ประกาศขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มเติม 6031 รายการ ในอัตรา 10% ซึ่งมีรายการสินค้าอาหารทะเลรวมอยู่ 367 รายการ ทั้งสินค้าปลามีชีวิต ปลาแช่เย็น ปลาแช่แข็ง เนื้อปลา กุ้ง ปู หอย และปลาหมึก และสหรัฐฯ อาจพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีเป็น 25% โดยมีกำหนดประชาพิจารณ์วันที่ 20-23 ส.ค.2561 นี้ โดย สนค. เห็นว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าอาหารทะเลจากจีน ก็อาจส่งผลให้อาหารทะเลจากจีนที่เคยส่งออกไปสหรัฐฯ ไหลเข้าไทยมากขึ้น เช่น เนื้อปลาฟิลเลแช่แข็งต่างๆ เช่น ปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิก ปลาทิละเพียส หอยเชลล์ หอยควีนสแกลลอปแช่แข็ง เป็นต้น ซึ่งจะมีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
         
สำหรับการขึ้นภาษีสินค้าอาหารทะเลของจีน เป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ที่ขึ้นภาษีสินค้าไอทีและสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาของจีน โดยมีรายการสินค้าดังนี้ 1.กลุ่มสินค้าปลาแช่แข็ง เนื้อปลา รวมทั้งฟิลเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาค็อด ปลาอลาสกาพอลลัค ปลาทูนาครีบเหลือง ปลาสคิปแจ็ก ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาเฮก ปลาลิ้นหมา ตับและไข่ปลา 2.กลุ่มสัตว์น้ำจำพวกกุ้ง ลอบสเตอร์ ปู ทั้งแบบมีชีวิต สด แช่เย็น หรือแช่แข็ง รวมทั้งปูสำหรับทำพันธุ์ 3.กลุ่มสัตว์จำพวกน้ำปลาหมึก ปลาหมึกยักษ์ หอย เช่น หอยนางรม หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ หอยเป๋าฮื้อ ทั้งแบบมีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง ใส่เกลือ หรือรมควัน และหอยสำหรับทำพันธุ์ เช่น หอยทาก หอยลาย หอยกาบ หอยแครง หอยเป๋าฮื้อ 4.กลุ่มสัตว์น้ำจำพวกปลิง เม่นทะเล และแมงกะพรุน ทั้งแบบมีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง ใส่เกลือ หรือรมควัน 5.อาหารปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย (เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูนา ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาสคิปแจ็ก ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาโบนิโต ปู หอยลาย เครย์ฟิช)

***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit   
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง