“พาณิชย์”เปิดตัวระบบคาดการณ์ผลผลิตข้าว ใช้ดาวเทียม-AI ช่วยรับมือช่วงพีก

img

“พาณิชย์”เปิดตัว “ระบบคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปีล่วงหน้า” นำเทคโนโลยีดาวเทียมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้พยากรณ์ผลผลิตข้าวล่วงหน้า เพื่อเป็นเครื่องมือในการวางแผนรับมือ บริหารจัดการผลผลิตข้าวเชิงรุกในช่วงออกสู่ตลาดมาก และผลักดันราคาให้กับเกษตรกร เตรียมขยายผลไปสู่พืชเศรษฐกิจอีก 3 ชนิด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และอ้อย
         
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัว “ระบบคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปีล่วงหน้า” โดยระบบดังกล่าวได้นำเทคโนโลยีดาวเทียมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้พยากรณ์ผลผลิตข้าวล่วงหน้า เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความพร้อมให้กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสามารถวางแผนรับมือและบริหารจัดการเชิงรุกผลผลิตข้าวนาปีที่จะออกสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
         
ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายภายใต้กรอบ Quick Big Win ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการทำงานด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี (Data-Driven Policy) เพื่อให้การตัดสินใจเชิงนโยบายมีความแม่นยำ โปร่งใส และสามารถติดตามประเมินผลได้จริง โดยเฉพาะสินค้าข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ เพราะการมีข้อมูลที่แม่นยำและทันเวลา จึงเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยระบบคาดการณ์นี้ จะช่วยให้พาณิชย์จังหวัดทำงานได้ตรงจุด สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
         
โดยระบบดังกล่าว ได้บูรณาการเทคโนโลยีดาวเทียม และ Big Data เพื่อประมวลผลและคาดการณ์ข้อมูลจาก 5 แหล่งสำคัญ ได้แก่ 1.ภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA เพื่อระบุพื้นที่และช่วงเวลาเก็บเกี่ยว 2.ข้อมูลผลผลิตต่อไร่ จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อคำนวณปริมาณผลผลิต 3.ข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จากกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อระบุชนิดพันธุ์ข้าว 4.ข้อมูลกำลังการผลิตของโรงสีในพื้นที่ จากกรมการค้าภายใน นอกจากนั้น ยังเชื่อมโยง 5.ข้อมูลราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ในแต่ละพื้นที่ จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เห็นภาพของทั้งสถานการณ์ด้านราคาและสัญญาณตลาดในระดับพื้นที่แบบทันที ซึ่งจะทำให้กระทรวงพาณิชย์สามารถคาดการณ์ผลผลิตข้าวล่วงหน้าในช่วง 2–8 สัปดาห์ โดยจำแนกรายละเอียดได้ถึงระดับจังหวัด อำเภอ และชนิดพันธุ์ข้าว ปิดความเสี่ยงของพื้นที่ ๆ มีผลผลิตออกมามาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคา ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลราคาจริงในพื้นที่ เพื่อใช้ประเมินแนวโน้มและออกมาตรการที่รองรับดึงราคาข้าวให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
         


“ข้อมูลเชิงลึกนี้ จะช่วยให้กระทรวงพาณิชย์สามารถทำงานเชิงรุกได้ โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมมาตรการรับมือได้ล่วงหน้าและรวดเร็ว เช่น การพิจารณาสินเชื่อชะลอการขาย การชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก และการเร่งระบายข้าวออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและรายได้ของพี่น้องเกษตรกรให้มั่นคงที่สุด”นางศุภจีกล่าว

สำหรับราคาข้าวเปลือกล่าสุด มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการข้าวไทยที่มีมากขึ้น โดยในรอบ 1 เดือน ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นจาก 14,100 บาทต่อตัน เป็น 17,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าเพิ่มขึ้นจาก 6,800 บาทต่อตัน เป็น 7,800 บาทต่อตัน สะท้อนเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อรายได้ของเกษตรกรในช่วงฤดูกาลผลิตข้าวที่กำลังออกสู่ตลาด

ส่วนในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมต่อยอดพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดโลก ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานของคู่ค้าและคู่แข่งของไทย รวมทั้งศึกษาความต้องการสินค้าเกษตรในตลาดสำคัญในต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับวางแผนเดินหน้ารุกตลาดและระบายผลผลิตของไทย โดยการบริหารจัดการข้าวร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพทั่วประเทศนี้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการข้าวไทยทั้งระบบในแต่ละพื้นที่มีความยั่งยืน ตั้งแต่ระดับเกษตรกรในหมู่บ้านจนถึงผู้ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายผลสู่พืชเศรษฐกิจสำคัญอีกอย่างน้อย 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และอ้อย โดยจะบูรณาการข้อมูลพื้นที่ปลูก ผลผลิต ขีดความสามารถของโรงงานแปรรูป และข้อมูลราคาทั้งในและต่างประเทศ อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับการบริหารจัดการสินค้าเกษตรไทยทั้งระบบ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลกบนฐานของข้อมูลที่ครบถ้วน ทันสมัย และรองรับการตัดสินใจเชิงนโยบายในทุกระดับอย่างแท้จริง  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง