​กรมพัฒน์ยกระดับคุมจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล ป้องปลอมแปลง-แอบอ้างยื่นคำขอ

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (DBD Biz Regist) ให้สูงขึ้นอีกขั้น เพิ่ม 2 มาตรการสำคัญ การแจ้งเตือนนิติบุคคลแบบเรียลไทม์ เมื่อมีผู้สร้างคำขอในระบบ และกำหนดให้ผู้รับรองลายมือชื่อและผู้รับจ้างจดทะเบียนทุกคนต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตน ป้องกันการปลอมแปลง แอบอ้างยื่นคำขอจดทะเบียน
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (DBD Biz Regist) ให้สูงขึ้นอีกขั้น โดยเพิ่มมาตรการป้องกันที่สำคัญอีก 2 มาตรการ คือ 1.เพิ่มฟังก์ชันแจ้งเตือนนิติบุคคลแบบเรียลไทม์ เมื่อมีผู้เข้าสร้างคำขอจดทะเบียนของบริษัทใดในระบบ DBD Biz Regist ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังอีเมลของนิติบุคคลโดยอัตโนมัติ เพื่อให้นิติบุคคลรับรู้ รับทราบ และ 2.กำหนดให้ผู้รับรองลายมือชื่อและผู้รับจ้างจดทะเบียนทุกคนต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนในระบบ พร้อมกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข เช่น ไม่ได้ให้กรรมการลงลายมือชื่อต่อหน้าตนเองจริง หรือรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ
         
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มความเข้มงวดดังกล่าว เพราะกรมพบว่า แม้ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีจุดที่มิจฉาชีพหรือผู้ที่ไม่ประสงค์ดีใช้เป็นช่องทางในการกระทำความผิด เช่น กรณีทนายความชาวฝรั่งเศสถูกจดทะเบียนให้ออกจากการเป็นกรรมการและมีการถอนเงินในบัญชีของบริษัท สร้างความเสียหาย 18 ล้านบาท จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการปลอมแปลง และแอบอ้างยื่นคำขอจดทะเบียนนิติบุคคล
         
สำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล หรือ DBD Biz Regist ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2568 โดยระบบดังกล่าวเป็นระบบจดทะเบียนทางออนไลน์ที่มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างมาก และมีมาตรการความปลอดภัยครอบคลุมทุกมิติ เพื่อป้องกันการแอบอ้าง การปลอมแปลงเอกสาร และการใช้ข้อมูลโดยมิชอบ โดยระบบดังกล่าวมีการกำหนด 7 ด่านความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ ดังนี้
         


1.ลงทะเบียนยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน ผู้แทนจดทะเบียนและผู้รับรองลายมือชื่อต้องสมัครสมาชิกและยืนยันตัวตนในระบบก่อนทุกครั้ง เพื่อยืนยันว่าผู้ดำเนินการมีตัวตนจริง ตรวจสอบและติดตามได้
         
2.ข้อมูลต้องตรงกับฐานข้อมูลจริง ระบบจะตรวจสอบข้อมูลกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง (DOPA 5 fields) ได้แก่ เลขบัตรประชาชน ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และเลขเลเซอร์หลังบัตร ส่วนคนต่างชาติใช้ข้อมูลจากหนังสือเดินทาง
         
3.ระบบแจ้งเตือนทางอีเมล ผู้ที่ต้องลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกคนจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการลงนาม ป้องกันการถูกแอบอ้างใช้ชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
         
4.ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มาตรฐานสูง ระบบรองรับการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องมือที่มีมาตรฐานสูง ได้แก่ 1.แอปพลิเคชัน ThaiD ของกรมการปกครอง 2.แอปพลิเคชัน DBD e-Service ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ 3.ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน (Username & Password) + OTP โดยทั้งหมดนี้ต้องผ่านการยืนยันตัวตนก่อน ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับและมีผลผูกพันผู้ที่ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ตามกฎหมาย
         
5.ลงนามต่อหน้านายทะเบียนหรือผู้รับรองลายมือชื่อที่ได้รับอนุญาต สำหรับคำขอที่เลือกลงลายมือชื่อในคำรับรอง (Consent Form) จะต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเองต่อหน้านายทะเบียน หรือต่อหน้าผู้รับรองลายมือชื่อที่กรมกำหนดไว้ เช่น ทนายความ ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี เป็นต้น ซึ่งผู้รับรองลายมือชื่อทุกคนต้องผ่านการสมัครสมาชิกและยืนยันตัวตนในระบบ
         


6.การชำระค่าธรรมเนียมโปร่งใส ตรวจสอบได้ การชำระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แอปพลิเคชันธนาคารหรืออินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ซึ่งตรวจสอบได้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชำระเงิน
         
7.ตรวจสอบแหล่งที่มาของผู้ทำธุรกรรมได้ ระบบสามารถตรวจสอบ IP Address ของเครื่องหรืออุปกรณ์ที่ใช้ยื่นคำขอ ทำให้ทราบได้ว่าธุรกรรมมาจากคอมพิวเตอร์หรือสถานที่ใด
         
“กรมขอเน้นย้ำและเตือนผู้ประกอบการที่มีอาชีพรับจ้างจดทะเบียน โดยเฉพาะทนายความ ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี ซึ่งจะเป็นผู้รับรองลายมือชื่อของกรรมการผู้ขอจดทะเบียนให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของกรมอย่างเคร่งครัด หากตรวจสอบพบว่ามีการรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ หรือไม่ได้จัดให้กรรมการลงลายมือชื่อต่อหน้าตนเองจริง จะดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์ในการเข้าใช้งานระบบ DBD Biz Regist รวมทั้งจะมีการเพิกถอนสิทธิการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อสำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนนิติบุคคลทุกกรณี เพราะกรมมุ่งมั่นสร้างระบบจดทะเบียนที่มีความปลอดภัยและปิดช่องโหว่ที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้แสวงหาประโยชน์และกระทำผิดกฎหมาย เพื่อให้ทุกธุรกิจในประเทศไทยเดินหน้าอย่างมั่นคง โปร่งใส และตรวจสอบได้”นายพูนพงษ์กล่าว
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง