​“พาณิชย์”ถกร้านขายยา เตรียมพร้อมรับนโยบายให้ประชาชนซื้อยานอกโรงพยาบาล

img

กรมการค้าภายในถกเครือข่ายร้านขายยา เตรียมความพร้อมรองรับนโยบายให้ประชาชนสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลเอกชน มาซื้อยาข้างนอก เผย อย.จะเปิดให้ร้านขายยาลงทะเบียน 14 ต.ค.นี้ ก่อนคิกออฟ 28 ต.ค. คาดมีร่วมเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2 พันแห่ง สามารถค้นหาได้ผ่านแอปพลิเคชัน มั่นใจช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ ส่วนโรงพยาบาลเอกชน ก็จะได้ประโยชน์จากการที่มีคนเข้าไปใช้บริการเพิ่มขึ้น

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย สมาคมร้านขายยา และผู้ประกอบการร้านขายยารายใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ Pharmax, Icare, Super Drug, Fascino, Save Drug, ร้านยากรุงเทพ, Pure Pharmacy (ในเครือบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์), Exta Plus (ในเครือซีพี ออลล์), Boots, Tops Care และร้านยาโลตัส เพื่อเตรียมความพร้อมเครือข่ายร้านขายยา รองรับนโยบายให้ประชาชนมีสิทธิ์สอบถามราคายาก่อนชำระเงิน และสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลเอกชนไปเลือกซื้อยาในช่องทางที่จำหน่ายยาภายนอกโรงพยาบาล ตามนโยบายนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ผลักดันให้มีการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในด้านการดูแลสุขภาพ

ทั้งนี้ ยังมีผู้ให้บริการจำหน่ายยาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เข้าร่วมด้วย ได้แก่ Telehealth, ยาพร้อม, PharmCare, AskMacy by Fascino, ร้านยากรุงเทพ, All Pharmacy , BeDee และ BIGYA ซึ่งมีเภสัชกรประจำให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด โดย อย.จะเปิดให้ร้านขายยาที่มีอยู่ประมาณ 2 หมื่นร้าน ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในวันที่ 14 ต.ค.2568 และจะจัดทำแอปพลิเคชัน ให้ค้นหาร้านขายยาใกล้บ้าน สามารถปรึกษาเภสัชกรได้ทางออนไลน์  

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2568 กรมได้ประชุมร่วมกับเครือโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ สมัครใจเข้าร่วมด้วยความตั้งใจที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วย และเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงยาอย่างเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้วรวม 10 เครือ จำนวนกว่า 300 โรงพยาบาล ครอบคลุมทั้งประเทศ
         


“การประชุมในครั้งนี้ เป็นการทำให้ครบวงจร หลังจากคุยกับโรงพยาบาลเอกชนไปแล้ว จึงต้องมาคุยกับร้านขายยา ซึ่งจะเป็นร้านที่คอยจ่ายยาให้กับประชาชน หลังจากที่ประชาชนรับใบสั่งยามาจากโรงพยาบาล โดยมั่นใจว่าเมื่อโครงการเริ่มดำเนินการ จะช่วยผลักดันให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มมากขึ้น เพราะรู้ว่าเมื่อเข้าไปใช้บริการแล้ว สามารถนำใบสั่งยามาซื้อยาข้างนอกได้ ส่วนประชาชนก็จะได้ประโยชน์ สามารถหาซื้อยาราคาถูกกว่าที่ซื้อในโรงพยาบาล เพราะมีต้นทุนการบริหารจัดการ ทำให้ลดภาระค่าครองชีพลงได้”นายวิทยากรกล่าว
         
เภสัชกรวราวุธ เสริมสินสิริ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.จะเปิดให้ลงทะเบียน โดยให้ผู้ประกอบการประเมินตนเองตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อเข้าโครงการร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.2568 เป็นต้นไป ซึ่งคุณสมบัติร้านขายยาที่เข้าโครงการ ต้องเป็นร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ มีช่องทางการติดต่ออย่างชัดเจน มีการรับประกันตามใบสั่งยาของทางการแพทย์อย่างครบถ้วนและจัดยาให้ครบตามใบสั่งแพทย์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เบื้องต้นคาดว่าในวันคิกออฟ 28 ต.ค.2568 จะมีร้านขายยาสมัครเข้าโครงการกว่า 2 พันแห่ง และยังจะมีการจัดทำแอปพลิเคชันสุขกาย สบายกระเป๋า เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้เช็กข้อมูลว่ามีร้านขายยาที่ใดบ้าง และมีช่องทางติดต่ออย่างไรด้วย
 
นายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ยืนยันว่ายาที่ประชาชนมาซื้อจากร้านขายยา มีมาตรฐานความปลอดภัย เหมือนกับยาที่ซื้อจากโรงพยาบาล และยังมีเภสัชกรให้คำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้อง ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง