
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ลงนาม MOU กับคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมมือยกระดับผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยสู่ตลาดโลก เตรียมผนึกกำลังเดินหน้า 3 ยุทธศาสตร์ ผลักดันมาตรฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยในตลาดต่างประเทศ เร่งขยายตลาด และคัดเลือกผลิตภัณฑ์เป้าหมาย
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยสู่ตลาดโลก กับ นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยกระดับผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีสากล บนพื้นฐานของมาตรฐานที่เชื่อถือได้และการตลาดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสการส่งออกตามเทรนด์ความต้องการของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ
โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสองหน่วยงาน จะร่วมมือกันใน 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.มาตรฐานและความเชื่อมั่น อย. จะทำงานเชิงรุกกับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือกำกับดูแล (Regulatory Cooperation) กับต่างประเทศ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยผ่านการยอมรับได้รวดเร็วขึ้น ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้นำเข้าและผู้บริโภค
2.การตลาดเชิงรุกและการเข้าถึงความต้องการของต่างประเทศ DITP จะเร่งขับเคลื่อนการเจาะตลาด ผ่านการเจรจาธุรกิจ งานแสดงสินค้า และแคมเปญแบรนด์ไทยในตลาดเป้าหมายทั่วเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป
3.การบูรณาการศักยภาพ (Synergy) ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันกำหนดผลิตภัณฑ์สุขภาพเป้าหมาย คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานสากล ขณะเดียวกันยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ผู้บริโภคทั่วโลกต้องการ
“ความร่วมมือนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อผู้ประกอบการไทยในหลายมิติ ทั้งการเชื่อมโยงโอกาสทางการตลาดผ่านกิจกรรมที่สำคัญต่าง ๆ ของ DITP ไม่ว่าจะเป็นในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดและมาตรฐานสากลผ่านการอบรม การรับคำปรึกษาด้านการส่งออกในแต่ละตลาดจากทูตพาณิชย์ในกิจกรรม Export Clinic ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายรายได้ยังผู้ประกอบการรายเล็กและชุมชนท้องถิ่น ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก”น.ส.สุนันทากล่าว
น.ส.นุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมได้ลงนาม MOU กับ อย. ในการร่วมมือกันส่งเสริมสินค้าสมุนไพร โดยกรมจะสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และทันสมัย ส่วน อย. จะอำนวยความสะดวกในการกำกับดูแลและการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลดขั้นตอนซ้ำซ้อน ประหยัดเวลา และเพิ่มความแม่นยำในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้เกิดระบบสนับสนุนนวัตกรรมสุขภาพที่เข้มแข็ง ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การคุ้มครองสิทธิ์ ไปจนถึงการผลักดันสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน ตลาดด้านสุขภาพโลก มีมูลค่าเศรษฐกิจมากกว่า 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9% ต่อปีตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยไทยถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์ มีคุณประโยชน์ และมีศักยภาพในการต่อยอดผลักดันให้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับสากลได้ โดยเฉพาะด้านสมุนไพรของไทย มีมูลค่าตลาดกว่า 1,265 ล้านเหรียญสหรัฐ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 6% ต่อปีจนถึงปี 2572 ขณะเดียวกันกลุ่มสินค้าความงามและการดูแลส่วนบุคคล ยังคงเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกศักยภาพที่สำคัญ โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าส่งออกในกลุ่มนี้สูงถึง 3,540 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6%
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง