
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงพื้นที่ ผลักดันเกษตรกร จ.นครนายก ใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อขอเงินทุนมาใช้ทำธุรกิจและการเกษตร เผยจากนี้ มีแผนลุยต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ล่าสุดมีผู้นำไม้ยืนต้นมาค้ำประกันแล้ว 28 จังหวัด 1.67 แสนต้น มูลค่า 185 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายสถาพร ร่วมนาพะยา รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ณ วิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ (ศูนย์การเรียนรู้ภูกะเหรี่ยง) จ.นครนายก เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้และสร้างความเข้าใจการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ และผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเกษตรกรทั่วประเทศ
โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการทำงานบนความร่วมมือกันระหว่างกรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครนายก เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร ชุมชน หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชน ได้รับความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินของตนเองปลูกไม้ยืนต้น และนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และมีเงินทุนหมุนเวียนไปใช้ในการทำธุรกิจและการเกษตร
ทั้งนี้ นอกจากการให้องค์ความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ยังให้ความรู้การเพิ่มมูลค่าการปลูกต้นไม้ด้วยกลไกคาร์บอนเครดิต และสาธิตวิธีการวัดไม้ยืนต้นที่ต้องการนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อประเมินมูลค่าการให้สินเชื่อในเบื้องต้นของสถาบันการเงิน เช่น ต้นไม้ที่จะได้รับการประเมินมูลค่าต้องมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ปริมาณและราคาเนื้อไม้จะสัมพันธ์กับเส้นรอบวงต้นที่ความสูง 130 เซนติเมตรจากพื้นดิน เป็นต้น โดยต้นไม้ที่เกษตรกรสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับสถาบันการเงิน เช่น โครงการธนาคารต้นไม้ ธ.ก.ส. ได้แก่ มะขาม มะกอกป่า สะเดา ต้นเต็ง รัง ประดู่บ้าน ประดู่ป่า เป็นต้น
“กรมจะขยายผลแนวทางการส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญทั่วประเทศ เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และปลอดภัยในระยะยาว เพราะต้นไม้ ไม่ใช่แค่ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นทรัพย์ทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างโอกาสและความมั่นคงทางการเงินให้เกษตรกรได้ การเปิดโอกาสให้เกษตรกรใช้ต้นไม้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ จึงถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน”นางอรมนกล่าว
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568) มีผู้นำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 28 จังหวัด จำนวน 167,302 ต้น วงเงินค้ำประกันรวม 185,826,768.04 บาท ซึ่งต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ประกอบด้วย ต้นสัก ยาง พะยอม ประดู่ป่า พะยูง พฤกษ์ มะขาม ไม้สกุลทุเรียน กฤษณา เป็นต้น
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง