“พาณิชย์” ชี้โอกาสส่งออกข้าวกล้องเจาะตลาดสิงคโปร์ หลังเทรนด์ธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาแรง

img

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศชี้ไทยมีโอกาสส่งออกข้าวกล้องป้อนตลาดสิงคโปร์ หลังเทรนด์รักษาสุขภาพ การต่อสู้กับโรคเบาหวาน และธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาแรง แนะผู้ผลิตจับมือผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ขอใช้ตรา Healthier Choice เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมขอผู้ส่งออกข้าวทำประกันความเสี่ยง ป้องกันผลกระทบบาทแข็งค่า

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ว่าขณะนี้ชาวสิงคโปร์ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพกันมากขึ้น โดยหันมาบริโภคอาหารที่ไม่มีน้ำตาลและรัฐบาลสิงคโปร์เองยังได้มีนโยบาย ในการต่อสู้กับโรคเบาหวาน ทำให้ชาวสิงคโปร์หันมาบริโภคข้าวกล้องกันมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการเป็นโรคเบาหวานและในร้านอาหารก็มีทางเลือกระหว่างข้าวขาวกับข้าวกล้องให้กับผู้บริโภค

“จะเห็นได้ว่าแนวโน้มการดูแลสุขภาพจากการบริโภคข้าวกล้อง เป็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่นิยมซื้อหาข้าวกล้องมาบริโภคเอง ในร้านอาหารก็หันมาใช้ข้าวกล้องเป็นทางเลือก ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพก็มีการเติบโตมากขึ้น มีการใช้ข้าวกล้องในการเสิร์ฟให้กับลูกค้าและในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ก็มีข้าวกล้องมีสินค้าเพื่อสุขภาพวางจำหน่ายมากขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกข้าวของไทย ที่จะผลักดันและเพิ่มการส่งออกข้าวกล้องเข้าสู่ตลาดสิงคโปร์”นางจันทิรากล่าว

ทั้งนี้ ในการทำตลาดข้าวกล้องในสิงคโปร์ ผู้ส่งออกต้องติดตามคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามและกัมพูชา ที่ได้มีการผลิตข้าวกล้องมาจำหน่ายในสิงคโปร์ด้วย โดยมีผู้ประกอบการด้านอาหารนำมาใช้ เนื่องจากราคาถูกกว่าข้าวกล้องของไทย ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องแสดงให้ผู้นำเข้าและร้านอาหารเห็นว่าข้าวไทยมีคุณภาพดีกว่า เพื่อให้ข้าวกล้องไทยยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และควรจะเจรจากับผู้นำเข้าข้าวของสิงคโปร์ที่เป็นลูกค้าของผู้ส่งออกไทย ในการขอใช้ตราสัญลักษณ์ Healthier Choice ของรัฐบาลสิงคโปร์ เพราะผู้บริโภคสิงคโปร์จะพิจารณาตรานี้เป็นคู่มือในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการติดตามการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวของศูนย์วิจัย Temasek Life Sciences Laboratory ที่ได้มีการพัฒนาข้าวกล้องสายพันธุ์หอมมะลิเป็นพันธุ์แรกของสิงคโปร์ ชื่อว่า Temasek Rice โดยใช้เวลาในการพัฒนากว่า 8 ปี มีความทนทานต่อความแล้ง น้ำท่วม หรือศัตรูพืช และให้ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยไร่ละ 1 ตัน ซึ่งมากกว่าข้าวทั่วไป 4 เท่า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าข้าวกล้องของไทยในอนาคตได้

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการลดความผันผวนด้านราคาส่งออกข้าว กรมฯ ขอแนะนำให้ผู้ส่งออกทำการประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อลดผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้ดีขึ้นต่อไป ส่วนปัญหาการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ กรมฯ ได้มีการติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีผลกระทบต่อต้นทุนการส่งออกข้าวหรือไม่แล้ว เพราะในอุตสาหกรรมข้าว มีแรงงานภาคเกษตร แรงงาน ขนย้ายข้าวเป็นจำนวนมาก แต่กรมฯ เชื่อว่า ผู้ส่งออกน่าจะบริหารจัดการต้นทุนได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการส่งออกข้าวของไทย

สำหรับตลาดข้าวเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสิงคโปร์นำเข้าข้าวกล้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2557 นำเข้ามูลค่า 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2558 นำเข้ามูลค่า 7.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2559 นำเข้าเพิ่มเป็น 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 10 เดือนของปี 2560 นำเข้าแล้ว 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง