
สนค.วิเคราะห์การส่งออกอาหารฮาลาลไปกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) พบมีแนวโน้มขยายตัวและมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น แนะใช้จุดแข็งการเป็น “ครัวของโลก” ลุยขยายตลาด เน้นคุณภาพ ความหลากหลาย อาหารสุขภาพ นวัตกรรม
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการวิเคราะห์การส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) พบว่า มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงและมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ส่งออกได้มูลค่า 7,131.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (252,164 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.3% ขณะที่ทั่วโลกส่งออกอาหารไปยังตลาด OIC มูลค่า 247,362 ล้านเหรียญสหรัฐ (8.72 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.9% ไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารไปยังตลาด OIC โดยผู้ส่งออกสำคัญ คือ บราซิล อินเดีย จีน ตุรกี และสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกอาหารฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดของไทย คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนรวมกัน 68.5% ของมูลค่าการส่งออกอาหารไปยังตลาด OIC โดยสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ข้าว ปลาทูน่ากระป๋อง น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพที่จะก้าวเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลที่สำคัญของโลกได้ ภายใต้นโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพ ความหลากหลาย และนวัตกรรม ซึ่งในอนาคตคาดว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะเติบโตยิ่งขึ้นตามความต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย การผลิตถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม สะอาด ถูกหลักอนามัย และตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นมุสลิม แต่ผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิมก็นิยมด้วย ส่งผลให้ความต้องการอาหารฮาลาลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ OIC
นอกจากนี้ สินค้าอาหารฮาลาลไทย ยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมากในกลุ่ม OIC ไม่เพียงแค่กลุ่มสินค้าเดิม แต่รวมถึงสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะสินค้าอาหารสุขภาพและสินค้านวัตกรรม อีกทั้งไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านวัตถุดิบ คุณภาพ นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ หากไทยต้องการจะเป็นผู้นำด้านอาหาร และเป็นครัวของโลก อาหารฮาลาลก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม
“ประเทศในกลุ่ม OIC โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีกำลังซื้อเฉลี่ยต่อหัวที่สูง และมีความต้องการสินค้าอาหารฮาลาลที่ได้มาตรฐานสากล ไทยต้องรักษาภาพลักษณ์การเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลคุณภาพสูง พัฒนามาตรฐานสินค้า และทำตลาดเชิงรุกในกลุ่ม OIC เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเร่งขยายตลาด โดยควรดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น สนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เร่งสร้างมาตรฐานฮาลาลสากล ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานฮาลาลในกลุ่มประเทศ OIC และจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในประเทศกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยในเวทีโลก”นายพูนพงษ์กล่าว
ปัจจุบัน สหประชาชาติได้รายงานสถิติประชากรโลก ปี 2567 มี 8,119 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม 1,907 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 23.5% ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าในปี 2593 ชาวมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,761 ล้านคน และคิดเป็นสัดส่วน 29.7% ของประชากรโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของตลาดฮาลาลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้บริโภคชาวมุสลิมยังมีแนวโน้มการใช้จ่ายต่อหัวสูงและขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจโลกอิสลาม Salaam Gateway ประเมินตลาดสินค้าฮาลของโลก ในปี 2567 มีมูลค่า 2.35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครองแชมป์ด้วยมูลค่า 1.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 58.7% ของตลาดฮาลาลโลก รองลงมา คือ สินค้าแฟชัน สื่อและสันทนาการ การท่องเที่ยว ยา และเครื่องสำอาง มีสัดส่วน 13.2% 11.5% 8.9% 4.5% และ 3.2% ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ปี 2570 ตลาดสินค้าฮาลาลจะมีมูลค่า 3.10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ย 9.7% ต่อปี โดยสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล มีมูลค่า 1.89 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัวเฉลี่ย 11.0% ต่อปี
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง