กรมการค้าต่างประเทศ ยกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่. ...) พ.ศ. ... ยกเว้นรถยนต์โบราณให้สามารถนำเข้าได้ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมภาคการผลิตหรือบูรณะ และเพิ่มรายได้สรรพสามิต ขอเชิญชวนภาครัฐ เอกชน ผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 24 มิ.ย.นี้

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่. ...) พ.ศ. ... ซึ่งกำหนดข้อยกเว้นให้รถยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 87.03 และรถยนต์ที่ใช้แล้วที่มีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไป (รถโบราณ) ตามพิกัดฯ 97.06 ที่เป็นรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ตามที่กรมสรรพสามิตกำหนด สามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2567 และวันที่ 22 เม.ย.2568 ซึ่งเห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว
         


สำหรับการยกร่างประกาศดังกล่าว เป็นการสนับสนุนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ที่ใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นกลไกผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในประเทศ เช่น การประกวดรถยนต์โบราณ (Classic Cars) การจัดขบวนคาราวานรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เป็นต้น และส่งเสริมภาคธุรกิจรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การผลิตหรือบูรณะ (Restoration) และยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลผ่านการจัดเก็บภาษี โดยคาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
         
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ กรมขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้สนใจ ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) และเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ตั้งแต่วันที่ 10-24 มิ.ย.2568 เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป