
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า นำผู้ประกอบการสมุนไพรไทยรวม 22 ราย จากโครงการ SMART Local HERB เข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการส่งออกสู่ตลาดโลก พร้อมจัดสาธิตโชว์การทำอาหารและเครื่องดื่มจากสมุนไพร ให้ชาวไทยและต่างชาติได้ลิ้มลอง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.2568 กรมได้นำผู้ประกอบการสมุนไพรรวม 22 ราย จากโครงการ SMART Local HERB เข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 ณ Hall 9 GG01 เมืองทองธานี โดยนำสินค้าที่ผ่านการผลิตโดยใช้นวัตกรรมที่น่าสนใจหลายราย อาทิ สารสกัดจากขมิ้นชันในรูปแบบเยลลี่เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์จากผำ ซึ่งเป็น Super Food ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ข้าวทางเลือกทดแทนข้าวทำจากไฟเบอร์สาหร่ายและโปรตีนจากปลาน้ำจืด ซอสสูตรพิเศษจากมะม่วงฉะเชิงเทรา ชีสจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องปรุงรสสำเร็จรูปตำรับไทยผลิตจากสมุนไพรไทยที่หลากหลาย เป็นต้น นำไปจัดแสดงและจำหน่าย เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและส่งออกไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ กรมยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ สาธิตโชว์ทำอาหารและเครื่องดื่มจากสมุนไพร โดยนำวัตถุดิบจากผู้ประกอบการ SMART Local HERB และสมุนไพรอื่น ๆ ที่เข้าร่วมงานมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการนำเสนอเมนูอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ ให้ชาวต่างชาติและผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรส แสดงสรรพคุณอันหลากหลายของสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันผ่านอาหารและเครื่องดื่ม จุดประกายแนวคิดเปิดมุมมองใหม่ให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจ Health & Wellness ที่ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในประเทศไทย แต่พร้อมส่งออกสู่สายตาชาวโลกได้รับรู้ภายใต้แนวคิด “Think Wellness Think Thai Herb” หรือ “คิดถึงสุขภาพ คิดถึงสมุนไพรไทย”
สำหรับการสาธิตการทำอาหารและเครื่องดื่มจากสมุนไพรภายในงานฯ กำหนดไว้วันละ 2 รอบ โดยเชฟเก่ง ผศ.ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ อาจารย์และผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย วิทยาลัยดุสิตธานี และ เชฟมังกร ผศ.ดร.ภูริ ชุณห์ขจร ผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์หลักสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต และอาจารย์ประจำโรงเรียนสอนทำอาหาร CBA Academy โดยเมนูสาธิต อาทิ พาสต้าซอสเพสโต้ผงผำ คิมบับข้าวไรซ์เบอร์รี่ซอสมะม่วง น้ำกระชายน้ำผึ้งมะนาว เครื่องดื่มคอมบูชาขลู่ผลไม้รวม ม็อคเทลไซเดอร์น้ำมังคุดวุ้นสมุนไพรรสอัญชัน และวาฟเฟิลน้ำตาลช่อดอกมะพร้าวกับแยมอิ่มใจรสขิงเลมอน เป็นต้น
นางอรมนกล่าวว่า สมุนไพรไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศในรูปแบบตำรับยาแผนโบราณ สารสกัด วัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง โดยได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ตอบรับกระแสความนิยมในการใส่ใจดูแลสุขภาพ ความตื่นตัวในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติหรือกระบวนการผลิตที่รักสิ่งแวดล้อม และการให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่ารักษา รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มการบริโภคอาหารแห่งอนาคตที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของธุรกิจรักสุขภาพและการออกกำลังกาย
“กรมคาดหวังว่าตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน จะสามารถสร้างมูลค่าการค้าให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกบูธ ทั้ง 22 ราย ได้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ทั้งยอดขายภายในงานและคำสั่งซื้อของคู่ค้าในอนาคต ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการเกิดการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้มีคุณค่าและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตอกย้ำจุดแข็ง ชูความได้เปรียบด้านความหลากหลายของสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพให้เด่นชัดและความสามารถในการแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”นางอรมนกล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง