“พาณิชย์”หารือ 39 หน่วยงานรัฐและเอกชน เตรียมพร้อมรับไม้ต่อเป็นประธานอาเซียนในปี 62 และกำหนดประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ต้องการผลักดัน เผยเบื้องต้น เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รองรับผลกระทบจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทดแทนแรงงานคน การผลักดัน RCEP ให้สรุปผลการเจรจา และสานต่อเรื่องที่ประธานอาเซียนปีก่อนหน้าได้ตั้งไว้ ทั้งนวัตกรรม การเติบโตด้วยนวัตกรรม
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดประทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมคณะอนุกรรมการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 1/2561 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวม 39 หน่วยงาน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กรมศุลกากร กรมสรรพากร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น เพื่อเตรียมการสำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 และหารือถึงการกำหนดประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยต้องการผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของหน่วยงานของไทย
โดยประชุมมีความเห็นในเบื้องต้นว่า ประเด็นที่ไทยควรผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ของอาเซียนในปี 2562 ในฐานะประธานอาเซียนควรสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย ตลอดจนทันสมัยกับแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและสอดคล้องกับแผนงานที่อาเซียนได้ตั้งเป้าจะดำเนินการให้สำเร็จในปี 2562 รวมทั้งอาจต่อเนื่องกับประเด็นที่ประเทศ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีที่ผ่านๆ มาตั้งไว้ เช่น ในปี 2561 สิงคโปร์ในฐานะประธานอาเซียน ได้กำหนดให้อาเซียนผลักดันเรื่องนวัตกรรมและความเชื่อมโยง และฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2560 ได้กำหนดให้อาเซียนผลักดันเรื่องการมีส่วนร่วมและการเติบโตด้วยนวัตกรรม เป็นต้น
“ที่ประชุมยังเห็นว่าอาเซียนควรเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน โดยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับผลกระทบจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทดแทนแรงงานคน และควรให้ความสำคัญกับการผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ให้สรุปผลโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย”นางนันทวัลย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยต้องการผลักดันหรือเกิดผลลัพธ์ในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ต่อไป โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นประธาน
นอกจากนี้ ยังได้รับทราบความคืบหน้าการเชื่อมโยงอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASW) ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 มีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่ได้เชื่อมโยงแลกเปลี่ยน e-Form D ทำให้ลดขั้นการส่งออกนำเข้า และยังได้หารือถึงปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ เช่น กฎระเบียบการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม และมาตรการนำเข้าพืชสวนของอินโดนีเซีย โดยเห็นควรเร่งรัดให้อาเซียนเร่งแก้ไข
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

