​“ภูมิธรรม” แจ้งข่าวดี ไทยปิดดีลขายข้าวจีทูจีอินโดนีเซีย 5.5 หมื่นตัน ส่งมอบ เม.ย.เป็นต้นไป

img

“ภูมิธรรม” แจ้งข่าวดี ไทยขายข้าวจีทูจีให้อินโดนีเซียล็อตแรก 5.5 หมื่นตัน ส่งมอบ เม.ย.67 เป็นต้นไป พร้อมสั่งกรมการค้าต่างประเทศเดินหน้าเจรจาต่อ และจัดคณะผู้แทนการค้าลุยขายข้าวตลาดเป้าหมาย “รณรงค์”รับลูก กางแผนบุกเจาะ ทั้งตลาดข้าวพรีเมียม ข้าวขาว ข้าวนึ่ง ข้าวเพื่อสุขภาพ โชว์ยอดส่งออกล่าสุด ม.ค.-22 เม.ย.67 ทำได้แล้ว 3.06 ล้านตัน เพิ่ม 23.39% มั่นใจทั้งปีส่งออกเกินเป้า 7.5 ล้านตันแน่
         
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและรัฐบาลอินโดนีเซีย สามารถตกลงซื้อขายข้าวล็อตแรก ปริมาณ 55,000 ตัน โดยจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน เม.ย.2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นและความพยายามของภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยกันหาตลาดรองรับผลผลิตและช่วยยกระดับราคาข้าวเปลือกให้แก่เกษตรกร และยังเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันดี และสานต่อความร่วมมือทางการค้าข้าวอันยาวนานระหว่างไทยและอินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการจัดหาข้าวส่งมอบ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน ประกอบกับรัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาในการพิจารณานำเข้าข้าว ช่วงที่ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้น ก็จะแข่งขันในตลาดได้ยากขึ้น แต่ผลจากการที่หน่วยงานรัฐและเอกชนไทย ได้ร่วมด้วยช่วยกันและทำงานกันอย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ ช่วยกันขายข้าวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ เกษตรกร และอุตสาหกรรมข้าวไทย ทำให้เกิดความสำเร็จนี้ขึ้นมาได้ และยังได้สั่งให้เดินหน้าเจรจาขายข้าวไทยต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยแล้ว ยังส่งผลดีต่อราคาข้าวไทยทั้งระบบอีกด้วย”นายภูมิธรรมกล่าว

นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งเจรจาซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซีย ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้หารือกันไว้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงติดตามสถานการณ์ตลาดและราคาข้าวโลกอย่างใกล้ชิด และให้จัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวไทยในทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อขายข้าวแบบ G to G ซึ่งเป็นการค้าข้าวเสริมจากการขายข้าวของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น P to G หรือ P to P ตามนโยบาย “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ” กับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทย และตอกย้ำจุดยืนไทยในฐานะหนึ่งในผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพดี และเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลก



นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมมีแผนที่จะบุกตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดข้าวพรีเมียม เน้นสหรัฐฯ เซเนกัล จีน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย ข้าวขาว เน้นฟิลิปปินส์ อิรัก ญี่ปุ่น มาเลเซีย ข้าวนึ่ง เน้นแอฟริกาใต้ เบนิน ไนจีเรีย บังกลาเทศ และข้าวเพื่อสุขภาพ เน้นสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย และผลักดันให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น โดยต้องขอชื่นชมสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทย ที่ร่วมมือกันสนับสนุนข้อมูลด้านการผลิต การบริโภค การส่งออก และราคาข้าวให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ประกอบการพิจารณาขายข้าวที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา ภาคเอกชนไทยยังชนะการประมูลสำหรับการนำเข้าข้าวขาว 5% ของอินโดนีเซียกว่า 4 แสนตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ข้าวขาวไทยยังเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ นอกเหนือจากข้าวหอมมะลิไทย และมีแนวโน้มที่จะมีคำสั่งซื้อข้าวชนิดดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น

สำหรับสถิติกรมศุลกากรและตามใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่ ม.ค.-22 เม.ย.2567 ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 3.06 ล้านตัน มูลค่า 70,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 2.48 ล้านตัน มูลค่า 45,975 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.39% และ 53.82% ตามลำดับ โดยตลาดที่ไทยส่งออกข้าวไปเป็นอันดับหนึ่ง คือ อินโดนีเซีย 680,099 ตัน รองลงมา อิรัก 353,100 ตัน แอฟริกาใต้ 216,050 ตัน เซเนกัล 120,140 ตัน และฟิลิปปินส์ 116,925 ตัน โดยหากสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยยังมีทิศทางที่ดีเช่นนี้ และราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคและการซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะทะลุเกินเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตันอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง