
กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์สินค้าและบริการ ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว จะไม่ถูกเอาเปรียบ เผยผู้ประกอบการ ร้านค้า มีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจน พร้อมย้ำช่วงหยุดยาวปีใหม่ ทุกร้านต้องปิดป้ายราคา ห้ามฉวยโอกาส เจอเป็นจับ
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์สินค้าและบริการ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ใหม่ ว่า เป็นการมาติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าและค่าบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่าจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งผลการตรวจสอบ พบว่า ร้านอาหาร ร้านค้า และบริการต่าง ๆ มีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างถูกต้อง ชัดเจน และสำหรับราคาอาหารในบริเวณสถานีขนส่ง จากการสอบถามพี่น้องประชาชนที่มาใช้บริการ ให้ข้อมูลตรงกันว่าราคาเป็นมิตรมาก และรู้สึกพอใจ เพราะว่าราคาและปริมาณอาหารเหมาะสมสอดคล้องกัน
“ต้องขอบคุณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ที่มาร่วมอำนวยการตรวจด้วย และได้พยายามช่วยเหลือกันในการที่จะควบคุมดูแลการจำหน่ายสินค้าให้เป็นไปตามกฎหมาย และขอบคุณผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการปิดป้ายแสดงราคา และพยายามที่จะมีการจัดโปรโมชันในหลาย ๆ ส่วนด้วยกัน เพราะที่นี่ นอกจากมีอาหารแล้ว ก็มีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ต่าง ๆ ด้วย และมีการลดราคาลงมาด้วย”นายวัฒนศักย์กล่าว
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า กรมฯ ได้ฝากถึงผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ขอให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หากตรวจสอบพบจะมีความผิด โดยกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท กรณีที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือค้ากำไรเกินสมควร โทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-28 ธ.ค.2565 กรมฯ ได้ปูพรมตรวจการปิดป้ายราคาสินค้าและบริการในหลายพื้นที่ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ตลาดสด รวมทั้งตรวจมาตรวัดน้ำมันในสถานีบริการน้ำมัน ก๊าซ LPG และ NGV ตรวจสอบเครื่องชั่ง ตรวจสอบเรื่องการบรรจุหีบห่อ รวมไปถึงการตรวจเรื่องร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบมีการร้องเรียนลดลง 25% จากประมาณ 4,200 เรื่อง ในปี 2564 เหลือ 3,245 เรื่องในปี 2565 โดยพบว่าผู้ประกอบการมีการปฏิบัติตามกฎหมาย และระมัดระวังมากขึ้น อีกทั้งเมื่อพบการกระทำความผิด กรมฯ ได้มีการดำเนินคดีในทุกกรณี ทำให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายเพิ่มขึ้น
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง