​“พาณิชย์”เผยยอดใช้สิทธิ์ FTA-GSP ช่วง 7 เดือนปี 64 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 36.23%

img

กรมการค้าต่างประเทศเผยยอดการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าช่วง 7 เดือนปี 64 มีมูลค่า 46,394.36 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.23% ตามทิศทางการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ระบุอาเซียนนำโด่งการใช้สิทธิ์ FTA และสหรัฐฯ นำใช้สิทธิ์ GSP  
         
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 7 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 46,394.36 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.23% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 77.30% ของการได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับการส่งออกที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แบ่งเป็นการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA มูลค่า 44,178.04 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.30% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 78.17% และการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP มูลค่า 2,216.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.98% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 63.30%
         
สำหรับรายละเอียดการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA พบว่า ตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 15,409.35 ล้านเหรียญสหรัฐ 2.จีน มูลค่า 14,773.87 ล้านเหรียญสหรัฐ 3.ออสเตรเลีย มูลค่า 4,893.99 ล้านเหรียญสหรัฐ 4.ญี่ปุ่น มูลค่า 4,072.09 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5.อินเดีย มูลค่า 2,645.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกรอบความตกลง FTA ที่มีอัตราการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ไทย-เปรู 100% 2.อาเซียน-จีน 93.84% 3.ไทย-ญี่ปุ่น 79.12% 4.อาเซียน-เกาหลี 72.51% และ 5.ไทย-ชิลี 70.67%
         


ทั้งนี้ การใช้สิทธิ์ FTA สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยไทย-เปรู เพิ่ม 132.51% อาเซียน-อินเดีย เพิ่ม 55.72% อาเซียน เพิ่มขึ้น 42.70% อาเซียน-จีน เพิ่ม 32.47% เป็นต้น และหลายตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากหดตัวต่อเนื่อง ได้แก่ ไทย-อินเดีย เพิ่ม 4.91% และอาเซียน-ญี่ปุ่น เพิ่ม 3.89%

โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร เครื่องดื่ม และเกษตร เช่น แผ่นและแถบทำด้วยอะลูมิเนียม (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ ทำหรือชุบด้วยเงิน (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน) ทุเรียนสด (อาเซียน-จีน) ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะม่วง มังคุด (อาเซียน-จีน) โพลิไวนิลคลอไรด์ (อาเซียน-อินเดีย) ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง (อาเซียน-ญี่ปุ่น) เครื่องซักผ้าเกิน 10 ก.ก. (อาเซียน-เกาหลี) ถุงมือยาง (ไทย-ชิลี) เครื่องแต่งกายและของที่ใช้ประกอบกับเครื่องแต่งกาย (ไทย-เปรู) เป็นต้น

ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP ทั้ง 4 ระบบ ได้แก่ สหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย และเครือรัฐเอกราชและนอร์เวย์ พบว่า ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ สหรัฐฯ มีการใช้สิทธิ์มูลค่า 1,973.21 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 43.16% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 66.30% รองลงมา คือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 153.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.56% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 38.78% รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มูลค่า 79.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.68% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 70.88% และนอร์เวย์ มูลค่า 9.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 6.40% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 59.97%

สำหรับสินค้าส่งออกที่มีการใช้สิทธิ์สูง เช่น มะพร้าวปรุงแต่ง ซอสปรุงรส น้ำ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารปรุงแต่ง สับปะรดกระป๋อง กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ เนื้อปลาแบบฟิลเล สด แช่เย็น แช่แข็ง ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง