
“จุรินทร์”เผยคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน สอบเสร็จแล้ว มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย โทษให้ออกหรือไล่ออก ตั้งคณะกรรมการหาความรับผิดทางละเมิดให้ชดใช้ค่าเสียหาย และส่งผลสอบให้ ป.ป.ช.สาวต่อ “เกรียงศักดิ์”เตรียมเซ็นตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด 22 มี.ค.นี้ มั่นใจตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืนได้แน่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รายงานผลสอบทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มี พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อคส. เป็นประธาน ที่ได้สืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และมีมติให้ดำเนินการ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย มีความผิดวินัยร้ายแรง และเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงทั้ง 3 ราย ซึ่งมีโทษ คือ ให้ออก หรือไล่ออก 2.คณะกรรมการฯพบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ อคส. จากการดำเนินการของทั้ง 3 ราย ประกอบด้วยเงินมัดจำถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย และความเสียหายอื่นๆ จึงเห็นควรให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ทั้ง 3 รายชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส. และ 3.เห็นควรให้ส่งผลการสืบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบการพิจารณาไต่สวนกรณีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางต่อไป
“ได้เร่งรัดสั่งการให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ผมไม่ปล่อยไว้แน่ และยังได้สั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส. ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการทุกชุด ในการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ส่วนเรื่องของประธานบอร์ดอคส. จะลาออกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเขาว่าควรทำอย่างไร แต่ผมยืนยันว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ไม่มีปกป้องใครทั้งนั้น โดยเฉพาะบุคคลที่นอกเหนือจากทั้ง 3 รายนี้ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนข้อเท็จจริงอยู่ และมีอำนาจสอบสวนไปถึงผู้ที่สูงกว่าเจ้าหน้าที่ อคส. ทั้ง 3 ราย”นายจุรินทร์กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ ผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 22 มี.ค.2564 ตนจะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่ อคส. ทั้ง 3 ราย มีกรอบระยะเวลาพิจารณา 30 วัน และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยจะมีตัวแทนจากกระทรวงการคลังร่วมด้วย มีกรอบระยะเวลาพิจารณา 60 วัน โดยมั่นใจว่าจะติดตามเงินที่ อคส. จ่ายเป็นค่ามัดจำ 2,000 ล้านบาทกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน ส่วนผลสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดที่มีกว่า 900 หน้า จะจัดส่งให้ ป.ป.ช. เพื่อขยายผลต่อไป
“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ อคส. 2,000 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังไม่ทราบว่า จะมียอดเงินทั้งหมดเท่าไร ต้องรอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา แต่คร่าวๆ คือ ในส่วนของดอกเบี้ย จะเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่ อคส. ต้องสูญเสียไปจากการถอนเงิน 2,000 ล้านบาทออกจากบัญชี เพื่อไปจ่ายค่ามัดจำถุงมือยาง ซึ่งอยู่ที่อัตรา 2% ต่อปี”นายเกรียงศักดิ์กล่าว
พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการฯ ได้สืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ของ อคส. ทั้ง 3 ราย รวมทั้งให้เวลากับทั้ง 3 รายแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ซึ่งหลังจากครบ 15 วันเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2564 ทั้ง 3 รายได้ทำเอกสารมาแก้ข้อกล่าวหา พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่ชี้ชัดว่าทั้ง 3 รายมีความผิดวินัยร้ายแรง จึงเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส.
พล.ต.ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บอร์ด อคส. ได้กดดันให้นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส. ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงสปิริต หลังจากที่ถูกนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย พูดพาดพิงในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยาง ขณะนี้บอร์ดไม่ได้กดดันอะไรอีกแล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนายสุชาติ หลังจากที่นายสุชาติได้ฟ้องร้องนายประเสริฐว่าหมิ่นประมาท ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เจ้าหน้าที่ 3 ราย ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย คือ นายเกียรติขจร แซ่ไต่ และนายมูรธาธร คำบุศย์
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง