​“พาณิชย์”ดันสุราษฎร์ธานีโมเดลแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน ดึงโรงงานสกัด ลานเท เกษตรกร ลงนามผลิตและซื้อปาล์มสดเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% เท่านั้น

img

“พาณิชย์”เดินหน้าแก้ปัญหาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ ดึงโรงงานสกัด ลานเท เกษตรกรลงนาม MOU ผลิตและรับซื้อผลปาล์มสดที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% หวังผลักดันราคาให้มีเสถียรภาพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน เตรียมใช้สุราษฎร์ธานีโมเดลขยายต่อไปยังกระบี่และชุมพรต่อไป พร้อมสั่งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ หลังพบสูงขึ้นผิดปกติ มีถึง 4.5 แสนตัน
         
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมัน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าแก้ปัญหาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยได้ผลักดันให้เกษตรกรมีการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน และได้ดึงลานเทที่รับซื้อปาล์มน้ำมัน และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ให้ร่วมมือในการรับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้นด้วย เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำมันปาล์มที่จะนำไปใช้ต่อในอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
         
“ได้ผลักดันกลุ่มเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมมือกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มร่วมกัน โดยล่าสุดได้มีการลงนามใน MOU ร่วมกัน เพื่อรับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% โดยจะมีผลบังคับภายใน 30 วันนับจากวันที่ 26 ก.ค.2560 ซึ่งกระทรวงฯ จะใช้สุราษฎร์ธานีโมเดลไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีการปลูกปาล์ม ทั้งกระบี่และชุมพรต่อไป”
         
สำหรับ MOU ดังกล่าว ได้กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถสกัดน้ำมันปาล์มดิบได้ 18% เกษตรกรจะตัดปาล์มทะลายสุก ก้านทะลายสั้น และขายปาล์มทะลายที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ส่วนลานเทปาล์มน้ำมัน จะรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพและไม่ทำลูกร่วงและส่งขายโรงงานภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันหากซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% จะขายผลปาล์มดิบได้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 4.20 บาท  
         
นางอภิรดีกล่าวว่า การแก้ไขอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในระยะยาว โดยเฉพาะด้านการตลาดที่ยังขาดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กระทรวงฯ จะหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบให้มีความมั่นคงต่อไป
         
นอกจากนี้ ในระยะยาว กระทรวงเกษตรฯ กำลังอยู่ระหว่างการเสนอ พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะมีการกำหนดแนวทางการเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน การสร้างเครือข่ายทั้งระบบร่วมกันพัฒนาเปอร์เซ็นต์น้ำมัน การตัดปาล์มสุก และให้กำหนดมาตรฐานทะลายปาล์ม ลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เข้าไว้ในกฎหมาย ซึ่งหลังจากกฎหมายบังคับจะทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มทำได้ดีขึ้น
         
สำหรับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 แสนตัน สูงกว่าสต็อกเพื่อความมั่นคงที่ควรอยู่ระหว่าง 2-2.5 แสนตัน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต็อก เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปอย่างเร่งด่วน หากพบการลักลอบนำเข้า ก็จะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันภายในประเทศ 
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง