​“จุรินทร์”ประเมิน“ไบเดน”เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลการค้า-เศรษฐกิจโลกดีขึ้น

img

“จุรินทร์” ประเมิน “ไบเดน” เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้บรรยากาศการค้าและเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เผยไทยรับอานิสงส์เต็มๆ จับตาสหรัฐฯ จะเข้าร่วม CPTPP หรือไม่ ยันถ้าไทยจะเข้าร่วม ต้องปรับปรุงตัวเองให้พร้อมก่อน โดยเฉพาะประเด็นข้อกังวล พร้อมเดินหน้าจับมือเอกชนทำงานใกล้ชิด เพื่อผลักดันการส่งออก
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า จากการติดตามนโยบายของนายไบเดนมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า นโยบายมีความแตกต่างกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในบางเรื่อง โดยคาดว่านายไบเดนจะให้ความสำคัญกับการเจรจาทางการค้าในรูปแบบพหุภาคีมากขึ้น เช่น องค์การการค้าโลก (WTO) และสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ สหรัฐฯ จะกลับเข้ามาเจรจาความตกลงที่ก้าวหน้าและครอบคลุมทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หรือไม่ หรือสหรัฐฯ อาจทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมถึงอาจนำเอาเงื่อนไข เช่น สิ่งแวดล้อม แรงงาน สิทธิมนุษยชน ทรัพย์สินทางปัญญา เข้าเป็นเงื่อนไขทางการค้า และนำมาเจรจาต่อรองทางการค้ามากขึ้น 
         
ทั้งนี้ ในเรื่องการเข้าร่วม CPTPP คณะอนุกรรมาธิการที่ศึกษาเรื่องนี้มีข้อสรุปไปแล้วว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมปรับปรุง แก้ไขในประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อกังวล ทั้งเรื่องการคุ้มครองพันธ์พืช สิทธิบัตรยา ให้มีความพร้อมก่อน ซึ่งได้ให้ความเห็นไปแล้วว่าไทยต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ส่วนประเด็นแรงงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพย์สินทางปัญญา ไม่กังวล เพราะผู้ผลิตสินค้าไทยปรับตัว โดยผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานที่สหรัฐฯกำหนดได้อยู่แล้ว
         


ส่วนเรื่องที่จะยังคงอยู่ต่อไป แม้ว่านายไบเดนได้เป็นประธานาธิบดี คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่อาจผ่อนปรนมากขึ้น , นโยบายอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ น่าจะยังอยู่ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศอินโดแปซิฟิก และน่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ , การใช้เงื่อนไขการให้ฝ่ายเดียวทางการค้า หรือสิทธิพิเศษทางการค้าของสหรัฐฯ น่าจะยังคงอยู่ เช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) หรือการใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี)  และการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) แต่ขั้นตอนและรูปแบบอาจมีความผ่อนปรนมากขึ้น
         
“นโยบายการค้าของนายไบเดนที่ผ่อนคลายมากขึ้น จะทำให้บรรยากาศการค้าของโลกดีขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออก และเศรษฐกิจไทยดีขึ้นตาม โดยเฉพาะการทำสงครามการค้ากับจีน ที่จะผ่อนปรนมากขึ้นนั้น อาจทำให้สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้จีนต้องนำเข้าสินค้าวัตถุดิบจากไทยเพิ่มขึ้นด้วย หรือไทยอาจจะใช้เวทีการเจรจาการค้าแบบพหุภาคี เพื่อเจรจาต่อรองทางการค้าได้มากขึ้น”นายจุรินทร์กล่าว
         
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยใกล้ชิดต่อไปในรูปแบบ คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เพื่อผลักดันการส่งออกของไทย จะร่วมมือกับอาเซียนใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อเจรจาต่อรองทางการค้าร่วมกัน และปรับรูปแบบการเจรจาทางการค้าเป็นอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น โดยเฉพาะการนำสินค้าไทยเข้าไปในขายในแพลตฟอร์มสำคัญของสหรัฐฯ เช่น Amazon
         
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายการค้าของสหรัฐฯ กรณีที่นายไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี จะลดความแข็งกร้าวลง ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถเจรจาทางการค้าแบบฉันท์มิตรกับสหรัฐฯ ได้มากขึ้น รวมทั้งไทยอาจพิจารณาเข้าร่วมเอฟทีเอใหม่ ที่มีสหรัฐฯ ร่วมอยู่ด้วย ส่วนสงครามการค้าจะยังอยู่ แต่ไทยมีโอกาสส่งสินค้าทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ และทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ในตลาดจีนได้ อีกทั้งไทยอาจจะได้รับนักลงทุนที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทยเพิ่มมากขึ้น ส่วนประเด็นที่สหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับระบบพหุภาคีและกฎระเบียบทางการค้ามากขึ้นนั้น จะทำให้กลไกของ WTO เดินหน้าต่อได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อไทย ขณะที่การทบทวน GSP ที่สหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม แรงงาน สิทธิมนุษยชนมากขึ้น ไทยต้องเร่งปรับตัว เพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาทบทวนการคืนสิทธิ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง