​“พาณิชย์”เคาะไม่จ่ายชดเชยประกันรายได้ข้าว 2 งวดติดต่อกัน หลังราคาพุ่งเกินเพดานทุกชนิด

img

“พาณิชย์”เคาะไม่จ่ายชดเชยส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ข้าวให้กับเกษตรกร 2 งวดติดต่อกัน หลังราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้นเกินเพดานประกันรายได้ทุกชนิด จากความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก เผยราคาข้าวเปลือกเจ้ายังปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเฉลี่ยตันละ 1.05 หมื่นบาทแล้ว “จุรินทร์”สั่งการติดตามสถานการณ์และบริหารให้เกิดความสมดุลทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติไม่จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 24 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 12-18 เม.ย.2563 เพราะราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นเกินไปกว่าราคาประกันรายได้ทุกชนิด ทำให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายส่วนต่างในงวดนี้ ซึ่งถือเป็นงวดที่ 2 ติดต่อกันที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชย นับจากงวดที่ 23 ที่ไม่จ่ายเป็นงวดแรก

ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ได้มีการคำนวณราคาอ้างอิง เพราะสิ้นสุดฤดูกาลไปแล้ว แต่ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 15,161.02 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,526.47 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 12,014.19 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 17,326.86 บาท ซึ่งทุกชนิดราคาสูงกว่าราคาที่รัฐบาลประกันรายได้เอาไว้

“นับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์ได้คิกออฟโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2562 เป็นต้นมา โดยมีการจ่ายชดเชยมาโดยตลอด จนถึงงวดที่ 22 แต่พองวดที่ 23 ไม่มีการจ่ายเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องมาจนถึงงวดที่ 24 รวมแล้ว 2 งวดติดต่อกัน ที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชย”

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น มาจากผลผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง และมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้นจากการบริโภคในประเทศ จากการที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาจากความต้องการข้าวเพื่อส่งออก เพราะประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ เช่น เวียดนาม ได้ห้ามส่งออกข้าว อินเดียระงับคำสั่งซื้อใหม่ ทำให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า หันมาสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้ผู้ส่งออกเร่งซื้อข้าวเพิ่มขึ้น

ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์การค้าข้าวทั้งในประเทศและการส่งออก เพื่อบริหารจัดการให้อยู่ในภาวะสมดุล ทั้งการบริโภคในประเทศที่ต้องเพียงพอ และการส่งออก เพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศ      

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประกันรายได้ข้าวเปลือกจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท ครัวเรือนละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน แต่ถ้าเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของข้าวชนิดที่กำหนดไว้สูงสุด โดยผลการจ่ายเงินส่วนต่างที่ผ่านมา รวม 24 งวด ได้จ่ายเงินชดเชยรายได้ไปแล้วประมาณ 19,368 ล้านบาท คิดเป็น 92.4% ของวงเงินประกันรายได้ทั้งหมด 20,940.84 ล้านบาท

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง