​กรมพัฒน์ฯ ลุยต่อ ดันไม้ “ยูคาลิปตัส” ค้ำกู้เงินแบงก์ แย้ม “กระถินยักษ์”ชนิดต่อไป

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลุยต่อ หารือหน่วยงานพันธมิตรวางแนวทางส่งเสริมและผลักดันไม้ “ยูคาลิปตัส” นำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ล่าสุดสถาบันการเงินยังมีข้อติดขัด 2 ข้อ วิธีประเมินราคา การติดตามตรวจสอบต้นไม้ หากมีความชัดเจน พร้อมปล่อยกู้ และแจ้งสมาชิกให้เดินหน้า ด้านสมาคมการค้าชีวมวลไทย ชง “กระถินยักษ์” ต้นไม้ชนิดต่อไปที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ หลังโรงไฟฟ้าต้องการ
         
นายพูนพงษ์  นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อนำเสนอโครงการส่งเสริมไม้ยูคาลิปตัสเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจไม้ ตัวแทนเกษตรกร และสถาบันการเงินว่า บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ในเครือของ SCG ได้คัดเลือกเกษตรกรที่เป็นสมาชิกและมีคุณสมบัติตามโครงการมาร่วมนำเสนอแนวคิดให้สถาบันการเงินพิจารณาถึงเงื่อนไขและความเป็นไปได้ในการอนุมัติปล่อยสินเชื่อ ซึ่งระยะเวลาการปลูกจนสามารถตัดขายได้ของต้นยูคาลิปตัส อยู่ที่ 5 ปี แต่เกษตรกรอยากทราบว่าระหว่างปีที่ 3-5 ต้นไม้เริ่มเติบโตเห็นผลแน่นอนแล้ว หากระหว่างนี้ เกษตรกรสนใจที่จะลงทุนปลูกเพิ่มในพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้มีอายุการตัดไล่เลี่ยกันและมีรายได้เข้ามาทุกปีจึงประสงค์นำต้นไม้รอตัดเหล่านั้นไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้หรือไม่  
         
ทั้งนี้ สถาบันการเงินยังมีข้อติดขัด 2 ประการ คือ 1.วิธีการประเมินราคาของไม้ยูคาลิปตัส 2.การติดตามตรวจสอบต้นไม้ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับธนาคารนั้น จะยังคงสภาพอยู่ตลอดระยะเวลาการให้สินเชื่อหรือไม่ พร้อมเสนอเป็นข้อพิจารณาให้กับทางบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ว่า ถ้าทางบริษัทหรือ SCG เข้ามาช่วยสนับสนุนใน 2 เรื่องที่กังวลอยู่ได้หรือไม่ ขณะเดียวกันได้ขอให้ทางบริษัท สยามฟอเรสทรี ปรับโครงการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมอบให้บริษัท สยามฟอเรสทรี ดำเนินการปรับปรุงโครงการให้มีความชัดเจน และมีความเป็นไปได้มากที่สุด ตามที่สมาคมธนาคารไทยได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ จากนั้นสมาคมธนาคารไทยจะเชิญธนาคารสมาชิกที่มีโครงการให้สินเชื่อกับเกษตรกรมาหารือในโอกาสต่อไป และกรมฯ จะเชิญหน่วยงานพันธมิตรกลับมาหารือเชิงลึกอีกครั้งในเร็วๆ นี้ 

ส่วนสมาคมการค้าชีวมวลไทย ได้นำเสนอต้นไม้อีกชนิดหนึ่งเพื่อเป็นทางเลือก คือ กระถินยักษ์ ซึ่งมีรอบตัดฟันสั้น แค่ 1.8 ปี ก็สามารถตัดขายได้ กำไรดี โดยทางสมาคมฯ ยินดีรับผลผลิตเข้าสู่โรงงานพลังงานไฟฟ้าชีวมวล เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง เมล็ด ใบ และลำต้น อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยจะเสนอให้พิจารณากระถินยักษ์เป็นไม้ชนิดต่อไปในการนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ

สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด สมาคมการค้าชีวมวลไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย พร้อมสมาชิกของสมาคม ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ยูโอบี ธนชาติ เกียรตินาคิน และธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง